วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

เนื้อเพลงคำปลอยโยน

อึดอัดใจไหม ที่ยังทนยังทำว่ารักกัน แกล้งเป็นว่ารักฉัน ทั้งที่ใจเธอมีแต่เขา ตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอกับเขาได้พบกัน เรื่องจริงหรือความฝัน เธอเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ ความรักที่เคยหวาน ของสองเรา วันนี้มันจืดจาง อึดอัดใจ เธอก็ไปกับเขาได้เลย...อย่าฝืน หากหมดรัก...ก็จากไป ปล่อยไว้...ยิ่งปวดใจ ถ้าทั้งใจมีเขาอยู่ ไม่ต้องหา...คำปลอบโยน สุดท้าย...เธอก็ไป คำลา...คำเดียวก็พอ ไม่ต้องมายื้ออีกแล้ว...หมดใจก็ไปเหอะเธอ... อย่ามาปลอบฉัน ไม่กี่วันใจฉันก็ลืมเธอ ลืมเธอได้เสมอ เจ็บแค่นี้คงไม่ถึงตาย จบเพียงเท่านี้ สิ่งดีๆ ที่เคยฝันร่วมกัน ไปอยู่กับคนนั้น คนที่เธอสบายทั้งกายและใจ ความรักที่เคยหวาน ของสองเรา วันนี้มันจืดจาง อึดอัดใจ เธอก็ไปกับเขาได้เลย...อย่าฝืน หากหมดรัก...ก็จากไป ปล่อยไว้...ยิ่งปวดใจ ถ้าทั้งใจมีเขาอยู่ ไม่ต้องหา...คำปลอบโยน สุดท้าย...เธอก็ไป คำลา...คำเดียวก็พอ ไม่ต้องมายื้ออีกแล้ว...หมดใจก็ไปเหอะเธอ... หากหมดรัก...ก็จากไป ปล่อยไว้...ยิ่งปวดใจ ถ้าทั้งใจมีเขาอยู่ ไม่ต้องหา...คำปลอบโยน สุดท้าย...เธอก็ไป คำลา...คำเดียวก็พอ ไม่ต้องมายื้ออีกแล้ว...หมดใจก็ไปเหอะเธอ... ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/500

เนื้อเพลง ปลายทาง

เนื้อเพลง ปลายทาง เพลง ปลายทาง ศิลปิน บอดี้สแลม อัลบั้ม Drive ปลายทางที่ฉันรอเธอ ที่สุดก็จบตรงนี้ ไปดีเถอะนะคนดี ไม่ต้องคิดอะไร เข้าใจว่าวันเวลา มันทำให้คนเปลี่ยนไป แต่ฉันก็คงไม่คิดโทษใครอยู่แล้ว อย่าห่วงเลย ขอบใจเธอที่เคยรักฉัน ที่เคยร่วมทางกันมา ต้องขอบใจที่ทำให้รู้ว่าไม่ต้องรอ เจ็บยังไงต้องทนรับไว้ ให้เราจบแค่นี้พอ จากวันนี้ฉันก็จะขอ ให้โชคดี เวลาทุกวินาที ต่อไปคงหมดความหมาย จะเร็วจะช้ายังไง เธอก็คงไม่มา เมื่อมันไม่เหลืออะไร เมื่อเธอไม่กลับมาหา ฉันก็คงต้องใช้เวลาที่เหลือ เพื่อลืมเธอ ขอบใจเธอที่เคยรักฉัน ที่เคยร่วมทางกันมา ต้องขอบใจที่ทำให้รู้ว่าไม่ต้องรอ เจ็บยังไงต้องทนรับไว้ ให้เราจบแค่นี้พอ จากวันนี้ฉันก็จะขอ ให้โชคดี คนเราต่อให้รักเพียงใด จะรักแทบเป็นแทบตายก็คงไม่สำคัญ ปลายทางเราต้องแยกจากกัน ไม่เหมือนอย่างฝัน ขอบใจเธอที่เคยรักฉัน ที่เคยร่วมทางกันมา ต้องขอบใจที่ทำให้รู้ว่าไม่ต้องรอ เจ็บยังไงต้องทนรับไว้ ให้เราจบแค่นี้พอ เมื่อไม่เหลือคนที่ให้รอ ในเมื่อเธอไม่กลับคืนมา ฉันก็ไม่ควรเฝ้ารอ จากวันนี้ฉันก็จะขอ ให้โชคดี ถอดคำร้องโดย สยามโซน.คอม หากนำไปเผยแพร่ต่อกรุณาให้เครดิต สยามโซน.คอม หรือใส่ลิงก์กลับมาที่หน้านี้ด้วย ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/2661

เนื้อเพลงยินดี

ยินดีกับคนๆ นั้นของเธอ กับคนที่เขาเลือกเธอ และเธอยังต้องการเขา แม้ว่าในวันนี้สองเรา จะเหลือเพียงความว่างเปล่า แต่ฉันก็พร้อมจะยินดี วันที่เธอไม่เหลือเยื่อใย วันที่เธอเอาใจใส่ กับคนของเธอมากกว่าฉัน วันที่เธอทิ้งความสัมพันธ์ เธอไปกับเขาคนนั้น สุดท้ายวันนี้ฉันยินดี ขอให้หมื่นล้านคำที่ฉันเอ่ย ที่เธอเคยได้ยิน คำพูดนั้น ให้เธอจด เเละจำไว้แล้วกัน ว่าฉันนั้นพร้อมจะยินดี ยินดีที่ เธอกับเขาคนนั้นได้รักกัน ยินดีที่ ในวันนั้นฉันได้รู้ตัว อวยพรให้กับเจ้าสาว ด้วยใจที่เต้นรัว ยินดีกับเจ้าตัว ชายคนนั้น คือฉันเอง ขอให้หมื่นล้านคำที่ฉันเอ่ย ที่เธอเคยได้ยิน คำพูดนั้น ให้เธอจดเเละจำไว้แล้วกัน ว่าฉันนั้นพร้อมจะยินดี ยินดีที่ เธอกับเขาคนนั้นได้รักกัน ยินดีที่ ในวันนั้นฉันได้รู้ตัว อวยพรให้กับเจ้าสาว ด้วยใจที่เต้นรัว ยินดีกับเจ้าตัว ชายคนนั้น คือฉันเอง ยินดีที่ เธอกับเขาคนนั้นได้รักกัน ยินดีที่ ในวันนั้นฉันได้รู้ตัว อวยพรให้กับเจ้าสาว ด้วยใจที่เต้นรัว ยินดีกับเจ้าตัว ชายคนนั้น คือฉันเอง ยินดีกับเจ้าตัว ชายคนนั้น คือฉันเอง ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/12158

เนื้อเพลง แบบไหนที่เธอรัก

เนื้อเพลง แบบไหนที่เธอรัก เพลง แบบไหนที่เธอรัก ศิลปิน ซีล อัลบั้ม Grow เพลงประกอบละคร เงารักลวงใจ จิตใจทำด้วยอะไร เหตุใดจึงไม่รักกัน ทุ่มเทให้ทุกๆ วัน ตอบแทนด้วยการเฉยๆ ไม่เหมือนที่ทำให้เขา กี่ครั้งเธอยอมให้หมดเลย อยากจะรู้จริงๆ อยากจะรู้จังเลยเหตุใดไม่มีค่าพอ ไม่รู้ ตอบตัวเองไม่ได้สักครั้ง แค่อยากปรับปรุงตัวเองให้เธอพอใจ ได้เป็นที่เธอต้องการ จะต้องทำยังไงแบบไหนที่เธอจะรัก ต้องแพ้ให้คนอื่นเขา ซ้ำมาซ้ำไปไม่รู้ทำไม ต้องทำยังไง สุดท้ายเธอถึงจะรัก อยากรู้ต้องทำยังไง ช่วยเปิดหัวใจ ให้ฉันเข้าไปได้ไหมเธอ ต้องเป็นคนนอกสายตาอย่างนี้ไปนานเท่าไหร่ ต้องเป็นคนไม่มีใคร ให้ทรมานถึงไหน อย่างน้อยถ้าเธอสงสาร อยากขอให้เธอแค่เปิดใจ อย่าใจร้ายเลยเธอ อย่าใจร้ายเกินไป อย่าทำกันแบบนี้เลย ไม่รู้ ตอบตัวเองไม่ได้สักครั้ง แค่อยากปรับปรุงตัวเองให้เธอพอใจ ได้เป็นที่เธอต้องการ จะต้องทำยังไงแบบไหนที่เธอจะรัก ต้องแพ้ให้คนอื่นเขา ซ้ำมาซ้ำไปไม่รู้ทำไม ต้องทำยังไง สุดท้ายเธอถึงจะรัก อยากรู้ต้องทำยังไง ช่วยเปิดหัวใจ ให้ฉันเข้าไปได้ไหม จะต้องทำยังไงแบบไหนที่เธอจะรัก ต้องแพ้ให้คนอื่นเขา ซ้ำมาซ้ำไปไม่รู้ทำไม ต้องทำยังไง สุดท้ายเธอถึงจะรัก อยากรู้ต้องทำยังไง ช่วยเปิดหัวใจ ให้ฉันเข้าไปได้ไหมเธอ ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/1281

เนื้อเพลงคำอวยพร

ที่สุดก็เป็นได้เพียงความรักที่จบไป ที่สุดก้ไม่ได้เป็นอย่างฝัน เหน็ดเหนื่อยเฝ้าคอยประคองความรักเรื่อยมา แต่สุดท้ายก็ถึงเวลาต้องเลิกกัน ฉันเข้าใจเมื่อได้รับรู้ว่าเธอเลือกแล้ว เพียงรอเวลาปล่อยมือไปเท่านั้น ก็คงมีเพียงคำอวยพร อยากให้เธอนั้นโชคดี ให้เธอพบรักแท้พบคนที่ดี ได้มีชีวิตที่ตรงใจ มีเพียงความยินดีที่เธอได้เริ่มต้นใหม่ และขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เคยรักกัน ถึงแม้ไม่นานเท่าไร มันก็สวยงาม ตอนจบที่เจอนั้นไม่ได้เหมือนที่ต้องการ เจ็บปวดแต่มันก็มีความหมาย ทุกวินาทีที่เราเคยใช้ด้วยกัน อยากให้รู้ว่าฉันไม่เคยจะเสียดาย ถึงจะพยายามเหนี่ยวรั้งไว้นานแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องปล่อยมือไปจากกัน ก็คงมีเพียงคำอวยพร อยากให้เธอนั้นโชคดี ให้เธอพบรักแท้พบคนที่ดี ได้มีชีวิตที่ตรงใจ มีเพียงความยินดีที่เธอได้เริ่มต้นใหม่ และขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เคยรักกัน ถึงแม้ไม่นานเท่าไร มันก็สวยงาม อยากบอกว่ารักเธอเท่าไร ฉันก็คงต้องเก็บมันไว้ รอฟังเธอพูดลา ก็คงมีเพียงคำอวยพร อยากให้เธอนั้นโชคดี ให้เธอพบรักแท้พบคนที่ดี ได้มีชีวิตที่ตรงใจ มีเพียงความยินดีที่เธอได้เริ่มต้นใหม่ และขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เคยรักกัน ถึงแม้ไม่นานเท่าไร มันก็สวยงาม แค่คำอวยพรให้โชคดี ที่จะใช้แทนคำคำนี้ รักเธอหมดหัวใจ

เนื้อเพลง: บุคคลสาบสูญ

เนื้อเพลง: บุคคลสาบสูญ (The Lost One) ศิลปิน: BlackJack (แบล็คแจ๊ค) อัลบั้ม: Single (2015) เอาความห่วงใย ไปให้ห่างกัน คนไม่สำคัญ เธอไม่ต้องมองกลับมา แค่คนเสียใจ แค่คนมีน้ำตา ใจที่มันด้านชา ไม่ต้องการใคร ให้ชีวิตเราเหมือนเส้นขนาน ไม่ต้องพบกัน ไปตามที่เธอฝัน เสียเวลาห่วงใย ปล่อยชีวิตของคนที่แพ้ ให้มันเยียวยาหัวใจ ต่างคนต่างลมหายใจ ไปจากกัน ปล่อยให้ฉัน หล่นหาย ให้ตายไปจากหัวใจ ไม่ต้องเจอ ไม่ต้องจำ ให้เธอทำเป็นคนห่างไกล ปล่อยให้ฉันสาบสูญจากชีวิตเธอได้ไหม ไม่ต้องมามีเธอที่เห็นใจ อย่าเอาสมองซีกไหน มาจดจำ แค่คนเสียใจ แค่คนมีน้ำตา ใจที่มันด้านชา ไม่ต้องการใคร ให้ชีวิตเราเหมือนเส้นขนาน ไม่ต้องพบกัน ไปตามที่เธอฝัน เสียเวลาห่วงใย ปล่อยชีวิตของคนที่แพ้ ให้มันเยียวยาหัวใจ ต่างคนต่างลมหายใจ ไปจากกัน ปล่อยให้ฉัน หล่นหาย ให้ตายไปจากหัวใจ ไม่ต้องเจอ ไม่ต้องจำ ให้เธอทำเป็นคนห่างไกล ปล่อยให้ฉันสาบสูญจากชีวิตเธอได้ไหม ไม่ต้องมามีเธอที่เห็นใจ อย่าเอาสมองซีกไหน มาจดจำ ให้ฉันเป็นแค่เงา ให้รักเรามันจบไป ให้ความรักฉัน เป็นแค่เพียงควันที่ผ่านไป ปล่อยให้ฉัน หล่นหาย ให้ตายไปจากหัวใจ ไม่ต้องเจอ ไม่ต้องจำ ให้เธอทำเป็นคนห่างไกล ปล่อยให้ฉันสาบสูญจากชีวิตเธอได้ไหม ไม่ต้องมามีเธอที่เห็นใจ อย่าเอาสมองซีกไหน มาจดจำ ไม่ต้องมาแคร์ไม่ต้องสนใจ จบ ๆ ไปเลยได้ไหม อย่าจดจำ

เนื้อเพลงต้นไม้ของพ่อ

นานมาแล้ว พ่อได้ปลูกต้นไม้ไว้ให้เรา เพื่อวันหนึ่งจะบัง ลมหนาว และคอยเป็นร่มเงา ปลูกไว้เพื่อพวกเรา ทุกๆคน พ่อใช้เหงื่อแทนน้ำรดลงไป เพื่อให้ผลิดอกใบ ออกผล ให้เราทุกๆคน เติบโตอย่างร่มเย็น ในบ้านเรา ผ่านมาแล้วห้าสิบปี ต้นไม้นั้นสูงใหญ่ ลมแรงเท่าไร ก็บรรเทา ออกผลให้เก็บกิน แตกใบเพื่อให้ร่ม เงา คอยดูแลเรา ให้เรายังมีวัน ต่อไป จนวันนี้ ใต้เงาแห่งต้นไม้ ต้นใหญ่ ลูกได้อยู่ได้คอย อาศัย แผ่นดินยังกว้างไกล แต่เหมือนว่าหัวใจ พ่อกว้างกว่า ลูกที่เกิดตรงนี้นั้นยังอยู่ และยังอยู่เพื่อคอย รักษา จะรวมใจเข้ามา จะมีเพียงสัญญา ในหัวใจ จากวันนี้สักหมื่นปี ต้นไม้ที่พ่อปลูก ต้องสวยต้องงดงาม และยิ่งใหญ่ สืบสานและติดตาม จากรอยที่พ่อตั้งใจ เหงื่อเราจะเทไป ให้ต้นไม้ ของพ่อ ยังงดงาม จากวันนี้สักหมื่นปี ต้นไม้ที่พ่อปลูก ต้องสวยต้องงดงาม และยิ่งใหญ่ สืบสานและติดตาม จากรอยที่พ่อตั้งใจ เหงื่อเราจะเทไปจากหัวใจ เพื่อเราจะเทไป ให้ต้นไม้ ของพ่อ ยังงดงาม...

เนื้อเพลง น้ำท่วมปาก

เนื้อเพลง น้ำท่วมปาก ศิลปิน: Justin อยากดึงมือมือของเธอ เข้ามาหาและกอดไว้ แต่รู้ดีว่ามันสายจนเกิดไป ผิดที่ฉันฉันพลาดเอง จนต้องเสียเธอให้กับเขา คำว่ารักบอกวันนี้ช้าเกินไป เสียใจเท่าไหร่ คิดถึงเท่าไหร่ ได้แต่น้ำท่วมปากและน้ำตาท่วมใจ หมดสิทธิ์แล้วที่จะพูดคำไหน ที่ที่ฉันเคยอยู่มีเขามายืนแทน ไม่มีหวังพูดคำในหัวใจ ว่ามันยังรักเธอ อยากจะทำอยากชดเชย สิ่งที่ฉันเคยผิดเคยพลั้ง มีถ้อยคำอยากจะขอเธอคืนมา แต่สุดท้ายคำทุกคำ ฉันต้องฝืนกลืนเก็บมันไว้ คำว่ารักบอกวันนี้ช้าเกินไป เสียใจเท่าไหร่ คิดถึงเท่าไหร่ ได้แต่น้ำท่วมปากและน้ำตาท่วมใจ หมดสิทธิ์แล้วที่จะพูดคำไหน ที่ที่ฉันเคยอยู่มีเขามายืนแทน ไม่มีหวังพูดคำในหัวใจ ว่ามันยังรักเธอ ได้แต่น้ำท่วมปากและน้ำตาท่วมใจ หมดสิทธิ์แล้วที่จะพูดคำไหน ที่ที่ฉันเคยอยู่มีเขามายืนแทน ไม่มีหวังพูดคำในหัวใจ ว่ามันยังรักเธอ ***Lyrics are from third-parties***

เนื้อเพลงเจ็บนิดเดียว

ต่อแต่นี้เราอย่าได้เจอกัน ขอให้มันจงเป็นวันสุดท้าย เพราะรู้ดีว่าไม่มีความหมาย ถึงเจ็บเพียงใดฉันก็ต้องตัดใจ ก็คนนั้นเขาก็ยังพบเธอ ก็เห็นเธอยังไปเดินกับเขา ไม่เคยนึกเลยว่าจะทำกับเรา อุตส่าห์เอาใจเอาความรักจริง มอบให้เธอ ที่แท้เปลืองตัว อยากให้เธอลองมาเป็น ให้มาเห็นได้มาเจอแบบฉันบ้าง จะได้รู้ว่าที่ทำอย่างนั้นมันท้าทาย จบเพียงนี้มันก็ดีเหมือนกัน จงกลับไปหาคนเก่า ส่วนตัวเรายังคงเดินก้าวไป เจ็บนิดเดียว หากเจอกันก็ไม่ต้องมาทัก คนรักเก่าเขายังดีกว่าฉัน ทางที่ดีเราไม่ต้องเจอกัน เพราะว่าสิ่งนั้นฉันว่ามันไม่ควร ก็คนนั้นเขาก็ยังพบเธอ ก็เห็นเธอยังไปเดินกับเขา ไม่เคยนึกเลยว่าจะทำกับเรา อุตส่าห์เอาใจเอาความรักจริง มอบให้เธอ ที่แท้เปลืองตัว อยากให้เธอลองมาเป็น ให้มาเห็นได้มาเจอแบบฉันบ้าง จะได้รู้ว่าที่ทำอย่างนั้นมันท้าทาย จบเพียงนี้มันก็ดีเหมือนกัน จงกลับไปหาคนเก่า ส่วนตัวเรายังคงเดินก้าวไป เจ็บนิดเดียว อยากให้เธอลองมาเป็น ให้มาเห็นได้มาเจอแบบฉันบ้าง จะได้รู้ว่าที่ทำอย่างนั้นมันท้าทาย จบเพียงนี้มันก็ดีเหมือนกัน จงกลับไปหาคนเก่า ส่วนตัวเรายังคงเดินก้าวไป เจ็บนิดเดียว ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/11656

เนื้อเพลงเท่าเดิม

ฉันรู้ว่าเธอยังห่วงใย ฉันรู้ว่าใจเธอยังสั่น ฉันรู้ว่าเธอไม่ต้องการทำให้เรื่องของเราลงเอยแบบนี้ ถึงแม้มันลำบากใจ เธอก็ต้องไปอยู่ดี วิธีเช็ดน้ำตาที่เธอมี คิดซะว่าจะเจอคนดีกว่าอย่างฉัน ไม่คิดกังวลอะไรเดินไปตามที่เธอฝัน ฉันอยู่ตรงนี้ได้ไม่ต้องเป็นห่วงกัน เมื่อก่อนไม่มีใครฉันก็เคยผ่านมา เธอ...พบคนที่ใช่ของไปดีเถอะหนา หากเจ็บอีกนานแต่ว่าฉันคงไม่เป็นไร เคยมีตัวคนเดียวก็แค่มีเท่าเดิม ก็แค่ไม่เหลือใคร คนเราจะมีสักกี่ครั้ง ได้เดินบนทางที่ตรงใจ เธอจะมาลาแล้วก้าวไปเจอและได้อะไรดีๆ กว่ากัน อย่างคิดกังวลอะไรเดินไปตามที่เธอฝัน ฉันอยู่ตรงนี้ได้ไม่ต้องเป็นห่วงกัน เมื่อก่อนไม่มีใครฉันก็เคยผ่านมา เธอ...พบคนที่ใช่ของไปดีเถอะหนา หากเจ็บอีกนานแต่ว่าฉันคงไม่เป็นไร เคยมีตัวคนเดียวก็แค่มีเท่าเดิม ก็แค่ไม่เหลือใคร เปลี่ยนใจเธอไม่ได้ ไม่ฝืนใจกัน ก็ทิ้งกันไป หากทำใจได้ยาก คงไม่เป็นไร แค่เสียเธอไป ฉันอยู่ตรงนี้ได้ไม่ต้องเป็นห่วงกัน เมื่อก่อนไม่มีใครฉันก็เคยผ่านมา เธอ...พบคนที่ใช่ของไปดีเถอะหนา หากเจ็บอีกนานแต่ว่าฉันคงไม่เป็นไร เคยมีตัวคนเดียวก็แค่มีเท่าเดิม ก็แค่ไม่เหลือใคร ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/5139

เนื้อเพลง กราบขอร้อง

เนื้อเพลง กราบขอร้อง - TONY PHEE [Print] การเข้าชม : 149291 ครั้ง เนื้อเพลง : กราบขอร้อง ศิลปิน : TONY PHEE (โทนี่ ผี) เหมือนเธอต้องการหยุดความสัมพันธ์ เหมือนทุกๆวันต้องทะเลาะกัน เหมือนว่าอารมณ์เธอตอนนี้ มีแค่รําคาญฉัน น้อยใจทุกครั้งที่ทําเพื่อเธอ แล้วฉันต้องเจอสภาวะเก่า ทั้งที่คบกันแต่ดันเหงา เหมือนหนังจบแบบเศร้า โอ้ ที่รัก ฟังฉันที ถ้าให้เราจบกันตอนนี้ * บอกตรงๆว่าทําไม่ได้ หากจะให้เลิกรากันไป อย่าให้เหมือนละคร ดําเนินมาถึงตอน ที่เราสองต้องหมดเยื่อใย บอกตรงๆชีวิตที่เหลือ ไม่อาจฝืนใจรักใครใหม่ ถึงฉันไม่มีค่า เป็นคนนอกสายตา แต่อยากกราบขอร้องได้ไหม อย่าเพิ่งทิ้งฉันไป ( อย่าเพิ่งทิ้งได้ไหม อย่าเพิ่งทิ้งฉันไป ) ฉันคงเหมือนตายหากเธอทิ้งไป เพราะทั้งหัวใจมันมีแค่เธอ ทุกคืนที่นอนยังคงเผลอ คิดเรื่องเก่าเสมอ โอ้ ที่รัก ฟังฉันที่ ถ้าให้เราจบกันตอนนี้ ซ้ำ ( * , Music , * ) คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง : โทนี่ ผี Producer : กฤช กฤษณาวารินทร์ / โทนี่ ผี

เนื้อเพลง : ผู้สาวเก่า

เนื้อเพลง : ผู้สาวเก่า ศิลปิน : เมย์ จิราพร เรื่องของเฮาสองคน กะจบตั้งโดนแล้วเด้เนาะอ้าย แต่เป็นหยังหัวใจ จังลืมบ่ได้สักที อ้ายถิ่มน้องไปมีผู้ใหม่ ย้อนว่าอ้ายว่าน้องบ่ดี ต้องใช้เวลาอีกกี่ปีจังสิลืมอ้าย เป็นผู้สาวเก่าโดยบ่ได้ตั้งใจ อ้ายมีผู้สาวใหม่น้องก็ฮู้ดี เลิกกันมาสิเกือบปี กะลืมบ่ได้ จากใจผู้สาวเก่า ว่าน้องลืมเจ้าบ่ได้ดอกเด้อ บางวันยังเผลอ แอบกดเบอร์สิโทรหาอ้าย ลังมื้อส่องเฟส กะเฮ็ดให้น้องเจ็บใจ เห็นรูปเขาคู่กับอ้าย แต่เว้าหยังบ่ได้ ย้อนน้องแค่ผู้สาวเก่า เป็นผู้สาวเก่าโดยบ่ได้ตั้งใจ อ้ายมีผู้สาวใหม่น้องก็ฮู้ดี เลิกกันมาสิเกือบปี กะลืมบ่ได้ จากใจผู้สาวเก่า ว่าน้องลืมเจ้าบ่ได้ดอกเด้อ บางวันยังเผลอ แอบกดเบอร์สิโทรหาอ้าย ลังมื้อส่องเฟส กะเฮ็ดให้น้องเจ็บใจ เห็นรูปเขาคู่กับอ้าย แต่เว้าหยังบ่ได้ ย้อนน้องแค่ผู้สาวเก่า จากใจผู้สาวเก่า ว่าน้องลืมเจ้าบ่ได้ดอกเด้อ บางวันยังเผลอ แอบกดเบอร์สิโทรหาอ้าย ลังมื้อส่องเฟส กะเฮ็ดให้น้องเจ็บใจ เห็นรูปเขาคู่กับอ้าย แต่เว้าหยังบ่ได้ ย้อนน้องแค่ผู้สาวเก่า ศิลปิน : เมย์ จิราพร เรื่องของเฮาสองคน กะจบตั้งโดนแล้วเด้เนาะอ้าย แต่เป็นหยังหัวใจ จังลืมบ่ได้สักที อ้ายถิ่มน้องไปมีผู้ใหม่ ย้อนว่าอ้ายว่าน้องบ่ดี ต้องใช้เวลาอีกกี่ปีจังสิลืมอ้าย เป็นผู้สาวเก่าโดยบ่ได้ตั้งใจ อ้ายมีผู้สาวใหม่น้องก็ฮู้ดี เลิกกันมาสิเกือบปี กะลืมบ่ได้ จากใจผู้สาวเก่า ว่าน้องลืมเจ้าบ่ได้ดอกเด้อ บางวันยังเผลอ แอบกดเบอร์สิโทรหาอ้าย ลังมื้อส่องเฟส กะเฮ็ดให้น้องเจ็บใจ เห็นรูปเขาคู่กับอ้าย แต่เว้าหยังบ่ได้ ย้อนน้องแค่ผู้สาวเก่า เป็นผู้สาวเก่าโดยบ่ได้ตั้งใจ อ้ายมีผู้สาวใหม่น้องก็ฮู้ดี เลิกกันมาสิเกือบปี กะลืมบ่ได้ จากใจผู้สาวเก่า ว่าน้องลืมเจ้าบ่ได้ดอกเด้อ บางวันยังเผลอ แอบกดเบอร์สิโทรหาอ้าย ลังมื้อส่องเฟส กะเฮ็ดให้น้องเจ็บใจ เห็นรูปเขาคู่กับอ้าย แต่เว้าหยังบ่ได้ ย้อนน้องแค่ผู้สาวเก่า จากใจผู้สาวเก่า ว่าน้องลืมเจ้าบ่ได้ดอกเด้อ บางวันยังเผลอ แอบกดเบอร์สิโทรหาอ้าย ลังมื้อส่องเฟส กะเฮ็ดให้น้องเจ็บใจ เห็นรูปเขาคู่กับอ้าย แต่เว้าหยังบ่ได้ ย้อนน้องแค่ผู้สาวเก่า

เนื้อเพลงแฟนใหม่

ขอโทษด้วยนะ หลายครั้งที่ทำตัวไม่ดี ชอบทำให้เธอ ต้องมีน้ำตาต้องร้องไห้ ขอโทษด้วยนะ ที่มองไม่เห็นค่าความห่วงใย มีแต่คิดจะนอกใจ จ้องจะทำร้ายเธอเท่านั้น ไม่เคยดูแลใส่ใจ เที่ยวสนุกไปให้พ้นวัน เห็นเพื่อนคนอื่นสำคัญ กว่าคนที่เป็นแฟน รู้ตัวว่าผิดมานาน คนอย่างฉันไม่คู่ควร เดินควงแขน แต่ขอโอกาสให้ฉันได้ตอบแทน จะได้ไหม คนเก่ามันไม่ดี ก็อยากให้ลืมมันไป วันนี้ขอทำหน้าที่แฟนคนใหม่ จะดูแลรักเธอให้มากกว่า คนเก่ามันไม่ดี ก็อย่าไปเอาอะไรกับมัน ทิ้งไปแล้วเริ่มใหม่กับฉัน จะเป็นคนใหม่แบบที่เธอต้องการ รู้สึกผิดเมื่อรู้ เห็นเธอต้องทุกข์ทน เสียใจเพราะฉันกี่หน แต่เธอก็ทนอยู่อย่างนั้น ไอ้ฉันมันเลว มันเลว มันเลว ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ผิดหวัง ขอโอกาสให้ฉันสักครั้ง ตอบแทนเธอได้ไหม คนเก่ามันไม่ดี ก็อยากให้ลืมมันไป วันนี้ขอทำหน้าที่แฟนคนใหม่ จะดูแลรักเธอให้มากกว่า คนเก่ามันไม่ดี ก็อย่าไปเอาอะไรกับมัน ทิ้งไปแล้วเริ่มใหม่กับฉัน จะเป็นคนใหม่แบบที่เธอต้องการ จะดูแลเธอให้ดีกว่าไอ้คนนั้น โว้ว..โว.. ที่เคยทำเธอต้องเหนื่อย ฉันขอรับผิดตรงนี้ ที่เคยทำตัวไม่ดี แต่ต่อจากนี้ มันจะไม่มีอีกต่อไป คนเก่ามันไม่ดี ก็อยากให้ลืมมันไป วันนี้ขอทำหน้าที่แฟนคนใหม่ จะดูแลรักเธอให้มากกว่า คนเก่ามันไม่ดี ก็อย่าไปเอาอะไรกับมัน ทิ้งไปแล้วเริ่มใหม่กับฉัน จะเป็นคนใหม่แบบที่เธอต้องการ จะดูแลเธอให้ดีกว่าไอ้คนนั้น... ที่มีแต่ ทำร้ายเธอ ถอดคำร้องโดย สยามโซน.คอม หากนำไปเผยแพร่ต่อกรุณาให้เครดิต สยามโซน.คอม หรือใส่ลิงก์กลับมาที่หน้านี้ด้วย ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/12063

เนื้อเพลง ผู้สาวขาเลาะ

เนื้อเพลง ผู้สาวขาเลาะ เพลง ผู้สาวขาเลาะ ศิลปิน ลำไย ไหทองคำ เนื้อร้อง อาม ชุติมา เรียบเรียง อานนท์ เชื้อบุญมา เฮาแค่ผู้สาวขาเลาะ บ่แม่นผู้สาวขาเรียน บ่ได้ขยันหมั่นเพียร ปากกาสิเขียนยังได้ยืมหมู่ การบอกการบ้านบ่เคยมี ข้อสอบสิออกบทได๋ยังบ่ฮู้ แต่ที่พอฮู้วันนี้พรุ่งนี้และเมื่อวาน นั้นเป็นบุญบ้านได๋ เพียงแค่จอบแนมซอมเบิ่งอ้ายอยู่ไกลๆ หัวใจน้องนี้ก็มีแฮง ฮู้ว่าอ้ายมีเขา น้องกะสิบ่ขอแข่ง บ่อาจสิไปแย่ง แต่น้องขอสแตนด์บาย ซอมเบิ่งอยู่เด้อ ถ้าหากว่าเธอ นั้นเลิกกันกับเขา เรื่องของสองเฮาสิเป็นไปได้บ่ บ่ได้เข้ามาเพื่อกดดัน แต่ว่าฉันนั้นแค่รอ ฟ่าวเลิกกันแหน่เถาะ ผู้สาวขาเลาะ อยากเป็นผู้สาวอ้าย บ่ฮู้สิมีโอกาสนั้นบ่ บ่ฮู้ว่าอ้ายนั้นคิดจั่งใด๋ ติด ร. ยังพอแก้ได้ แต่ติดใจอ้ายน้องไปบ่เป็น จักเป็นจั่งใด๋ดอกใบปริญญา ฮู้แต่ว่าเอามายากเย็น หลับตาลงยังคงฝันเห็น เป็นเพียงหน้าอ้าย ซอมเบิ่งอยู่เด้อ ถ้าหากว่าเธอนั้นเลิกกันกับเขา เรื่องของสองเฮาสิเป็นไปได้บ่ บ่ได้เข้ามาเพื่อกดดัน แต่ว่าฉันนั้นแค่รอ ฟ่าวเลิกกันแหน่เถาะ ผู้สาวขาเลาะ ซอมเบิ่งอยู่เด้อ ถ้าหากว่าเธอนั้นเลิกกันกับเขา เรื่องของสองเฮาสิเป็นไปได้บ่ บ่ได้เข้ามาเพื่อกดดัน แต่ว่าฉันนั้นแค่รอ ฟ่าวเลิกกันแหน่เถาะ ผู้สาวขาเลาะ อยากเป็นผู้สาวอ้าย ผู้สาวขาเลาะ สิสมอ้ายบ่ ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/12122

เนื้อเพลง คำแพง

เนื้อเพลง คำแพง-แซ็ค ชุมแพ เพลง คำแพง ศิลปิน แซ็ค ชุมแพ คำร้อง/ทำนอง เอ๊ะ วงทอแสง เรียบเรียง อานนท์ เชื้อบุญมา เขามีความหมายกับเจ้า เจ้ามีความหมายต่ออ้าย เจ้าให้เขาหมดใจหมดกาย อ้ายกะยอมตายให้เจ้าได้คือกัน ครองฮักสองคนโลดตอนนี้ โชคดีให้เป็นของเจ้า โชคร้ายอ้ายสิรับเอา อ้ายบ่สมน้องกะคือว่า บ่แม่นหมาวัดและกะบ่ได้ใจนาง หว่านแหลงดาง กะดักใจนางไว้บ่ได้ เฮ็ดดีปานได๋ เฮ็ดดีปานได๋ เจ้ากะบ่หัวซา นั่งฮ้องนอนไห้ ย้อนสงสารใจเจ้าของ น้องบ่เคยมอง ย่างสากกะบ่อยากใกล้ ฮักเจ้าหลาย ฮักเจ้าหลาย ได้ยินบ่ เป็นจั่งได๋น้อความฮัก ปานถืกกับดักฮัดหัวใจ ติดกับดักฮักคนเดียวออกบ่ได้ อ้ายคงทำได้แค่รอ ถึงจะท้อแต่บ่เคยหมดหวัง ยอมเจ็บยอมให้หัวใจพัง ซังเด้ซัง ซังหัวใจเจ้าของ ได้แต่กอดตัวเองไว้ยามเหงา เจ้ากอดเขา เขากอดเจ้าคงบ่ห่าง จั่งจ่อก่ออยู่เถียงนาฮ้าง เบิ่งเขาย่างผ่านไป บ่แม่นหมาวัดและกะบ่ได้ใจนาง หว่านแหลงดาง กะดักใจนางไว้บ่ได้ เฮ็ดดีปานได๋ เฮ็ดดีปานได๋ เจ้ากะบ่หัวซา นั่งฮ้องนอนไห้ ย้อนสงสารใจเจ้าของ น้องบ่เคยมอง ย่างสากกะบ่อยากใกล้ ฮักเจ้าหลาย ฮักเจ้าหลาย ได้ยินบ่ บ่แม่นหมาวัดและกะบ่ได้ใจนาง หว่านแหลงดาง กะดักใจนางไว้บ่ได้ เฮ็ดดีปานได๋ เฮ็ดดีปานได๋ เจ้ากะบ่หัวซา นั่งฮ้องนอนไห้ ย้อนสงสารใจเจ้าของ น้องบ่เคยมอง ย่างสากกะบ่อยากใกล้ ฮักเจ้าหลาย ฮักเจ้าหลาย ได้ยินบ่ รอเจ้าอยู่เด้อ คำแพง [เกี่ยวกับเพลง คำแพง] คำว่า คำแพง หมายถึง ผู้ซึ่งเป็นที่รัก หรือ แก้วตาดวงใจของพ่อแม่

เนื้อเพลง ผิดที่ไว้ใจ

เนื้อเพลง ผิดที่ไว้ใจ เพลง ผิดที่ไว้ใจ ศิลปิน ซิลลี่ ฟูลส์ อัลบั้ม Juicy อยากให้ลมหายใจ สุดท้าย ได้หมดไป ในตอนนี้ มันเจ็บจนเกินรับไหว หัวใจ จงหลับไหลไปเสียที มันผิดที่ฉันเอง ที่เฝ้ารัก จนทำให้เธอนั้นมองข้ามไป มันผิดที่ฉันเองที่ง่ายนัก ของตายก็มีความหมายแค่นั้น มันผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้ มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอด้วยหัวใจ ผิดตรงที่ไว้ใจ ฉันมองตัวเธอผิดไป อยากให้เสียงหัวใจ สุดท้าย ได้หยุดไป ในตอนนี้ ความเจ็บปนความเสียใจ รักเธอมากไป จงจากไปเสียที มันผิดที่ฉันเอง ที่เฝ้ารัก จนทำให้เธอนั้นมองข้ามไป มันผิดที่ฉันเองที่ง่ายนัก ของตายก็มีความหมายแค่นั้น มันผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้ มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอด้วยหัวใจ ผิดตรงที่ไว้ใจ ฉันมองตัวเธอผิดไป มันผิดไป... ผิดไป... ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/1209

เนื้อเพลงแฟนเก่า

เจอหน้าเธอกี่ครั้ง ฉันก็ยังต้องทน ทำเหมือนไม่มีอะไร ทั้งที่ฉันยังอยาก ขอร้องให้เธอเปลี่ยนใจ ให้กลับมาเหมือนวันที่เราเคยรักกัน มองหน้าเธอวันนี้ เธอช่างมีความสุข ไม่เหมือนตอนรักกับฉัน เขาที่เป็นคนใหม่ คงเป็นผู้ชายในฝัน เมื่อหมดความสำคัญ ฉันคงต้องทำใจ แค่คนก่อนที่เธอหลงมาเผลอใจผูกพัน ฉันเป็นได้เพียงเท่านั้นไม่มีความหมาย คงต้องยอมรับ ทำอะไรไม่ได้ อยากบอกว่ายังรักยังคิดถึงเธอ ทุกๆครั้งที่เจอฉันก็อยากให้เข้าใจ แต่มันก็เท่านั้นฉันรู้ว่าสายไป เพราะว่าถึงยังไงเธอก็คงเลือกเขา ฉันคงเป็นได้แค่แฟนเก่า ที่ต้องเจียมตัว ก่อนที่เธอหลงมาเผลอใจผูกพัน ฉันเป็นได้เพียงเท่านั้นไม่มีความหมาย คงต้องยอมรับ ทำอะไรไม่ได้ อยากบอกว่ายังรักยังคิดถึงเธอ ทุกๆครั้งที่เจอฉันก็อยากให้เข้าใจ แต่มันก็เท่านั้นฉันรู้ว่าสายไป เพราะว่าถึงยังไงเธอก็คงเลือกเขา ฉันคงเป็นได้แค่แฟนเก่า ที่ต้องเจียมตัว ฉันคงเป็นได้แค่แฟนเก่า ที่ต้องเจียมตัว ฉันมันเป็นได้แค่แฟนเก่า ที่ยังรักเธอ ถอดคำร้องโดย สยามโซน.คอม หากนำไปเผยแพร่ต่อกรุณาให้เครดิต สยามโซน.คอม หรือใส่ลิงก์กลับมาที่หน้านี้ด้วย คุณอาจจะสนใจเนื้อเพลงนี้ด้วย เท่าเดิม - ลาบานูน , ปฏิทิน - ลาบานูน , บังอาจรักเธอ - ลาบานูน , แอบรัก - ลาบานูน , คิดในใจ - ลาบานูน , คำต้องห้าม - ลาบานูน , สายน้ำ - ลาบานูน , รักแท้ - ลาบานูน ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/5147

เนื้อเพลง ผิดสัญญา

เนื้อเพลง ผิดสัญญา เพลง ผิดสัญญา ศิลปิน อินสติงค์ อัลบั้ม Inner แล้วก็ต้องเลิกกัน จบที่เคยฝันไว้ เมื่อความจริงฉันมีแค่เพียงหัวใจ หลอกตัวเองว่าคงดีพอให้เธอฝากชีวิตไว้ แต่ที่สุดแล้วมันช่างดูเลือนลาง ฝันไปได้ยืดยาว แต่ไม่เคยถึงไหน บอกตรงๆขอโทษจริงๆเสียใจ(โอ๊วว) แต่ถ้อยคำสัญญาดีๆ จะดูแลเธอจนตาย ต้องยืนยันให้ฉันควรไปจากเธอ แค่คำว่ารักที่พูดอยู่ได้มันคงไม่พอ แต่ฉันก็ไม่อาจรอให้เราเดินไป ถึงวันที่เกินจะเปลี่ยน จนช้ำไปมากกว่านี้ ที่ฉันมีให้เธอได้แค่คำว่าลา หยุดทิ้งชีวิตเอาไว้บนทางที่ฝืนเต็มที(โอ๊วว) ทำให้ไม่ได้ ขอโทษที่ผิดสัญญา รักได้แค่ลมปาก อย่างลมๆแล้งๆ ดีแต่ทำให้เธอต้องเสียเวลา(โอ๊วว) มีแต่ใจเพ้อไปวันๆ จะดีอะไรนักหนา หากยังอยู่รักเธอยิ่งเห็นแก่ตัว แค่คำว่ารักที่พูดอยู่ได้มันคงไม่พอ แต่ฉันก็ไม่อาจรอให้เราเดินไป ถึงวันที่เกินจะเปลี่ยน โปรดอภัยให้คนที่ผิดสัญญา ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/6249

เนื้อเพลง: ปล่อยมือ

เนื้อเพลง: ปล่อยมือ (Leave) ศิลปิน: ฟาร์ม ปณิธาน ธารชัย (The Voice) อัลบั้ม: เพลงใหม่ 2558 / 2015 ในตอนนี้ฉันอ่อนแอ คงเป็นเพราะรับความจริงยังไม่ค่อยไหว เมื่อใจเธอคิดเปลี่ยนไป ก็ไม่อยากจะรู้ในคำอธิบาย อะไรทั้งนั้น ในเมื่อเธอจะไปแล้ว ไม่ต้องมาสนใจใยดีกับฉัน จบเลยง่าย ๆไปอย่างนั้น อย่าทำร้ายกันด้วยความสงสารเลย ถ้าคิดจะปล่อยมือฉันแล้ว อย่าปลอบกันด้วยสายตา ไม่เอากอดสุดท้าย ไม่เอาจูบลา ไม่ต้องการใด ๆ แค่ปล่อยทิ้งฉันไว้ จากไปอย่าย้อนมองคืนมา ทุกเรื่องราวดี ๆ ของเธอและฉัน ยังเห็นมันชัดเจนในตาคู่นั้น คงยากเกินถ้าต้อง บอกลา ผ่านสายตา ถ้าหากฉันเผลอร้องไห้ เธออย่าได้สนใจ ช่วยแกล้งไม่ได้ยิน ถ้ามันจะจบสิ้น อย่าเลยอย่าสนใจว่าฉันจะเป็นจะตาย อะไรทั้งนั้น ในเมื่อเธอจะไปแล้ว ไม่ต้องมาสนใจใยดีกับฉัน จบเลยง่าย ๆไปอย่างนั้น อย่าทำร้ายกันด้วยความสงสารเลย ถ้าคิดจะปล่อยมือฉันแล้ว อย่าปลอบกันด้วยสายตา ไม่เอากอดสุดท้าย ไม่เอาจูบลา ไม่ต้องการใด ๆ แค่ปล่อยทิ้งฉันไว้ จากไปอย่าย้อนมองคืนมา ทุกเรื่องราวดี ๆ ของเธอและฉัน ยังเห็นมันชัดเจนในตาคู่นั้น คงยากเกินถ้าต้อง บอกลา ถ้าคิดจะปล่อยมือฉันแล้ว อย่าปลอบกันด้วยสายตา ไม่เอากอดสุดท้าย ไม่เอาจูบลา ไม่ต้องการใด ๆ แค่ปล่อยทิ้งฉันไว้ จากไปอย่าย้อนมองคืนมา ทุกเรื่องราวดี ๆ ของเธอและฉัน ฉันเห็นมันชัดเจนในตาคู่นั้น คงยากเกินถ้าต้อง บอกลา ผ่านสายตา

เนื้อเพลงตายก่อน

เราจะข้ามผ่าน คืนวันที่เลวร้ายไปด้วยกัน ถึงตายไม่หวั่นจะดูแลเธอด้วยชีวิตฉัน หากพรุ่งนี้ฟ้ายอมให้สิทธ์ เลือกได้ว่าใครจ­ะตายก่อน ฉันขอยอมเป็นคนๆนั้น โปรดจงรู้ว่ายังมีฉันคอยเคียงข้างเธอ จะดูแลและคอยปลอบใจเธอเสมอ ในวันที่เธอกังวล หรือถูกใครบางคน มาทำร้ายให้ทุกข์ทนแทบขาดใจ หากชีวิตของเธอต้องเจอเรื่องราววุ่นวาย หากมีอันตราย หรือใครคิดทำร้ายเธอ จะไม่ให้ใครรังแก และไม่แคร์หน้าไหน จะไม่ยอมให้เธอต้องทนเสียใจ จับมือฉันไว้คนดี นี่คือคำสัญญา ( สัญญา ) จากฉันคนนี้ เราจะข้ามผ่าน คืนวันที่เลวร้ายไปด้วยกัน ถึงตายไม่หวั่นจะดูแลเธอด้วยชีวิตฉัน หากพรุ่งนี้ฟ้ายอมให้สิทธ์ เลือกได้ว่าใครจ­ะตายก่อน ฉันขอยอมเป็นคนๆนั้น จะดูแลเธอด้วยชีวิต ของฉัน หากเธอท้อให้มองขึ้นไปดูบนฟ้า หากเหนื่อยล้าให้เอนกายลงมาที่ฉัน ตราบใดที่ดวงตะวัน ยังขึ้นลงอยู่อย่างนั้น เปรียบดั่งฉันรักเธอไปจนนิรันดร์ จับมือฉันไว้คนดี นี่คือคำสัญญา ( สัญญา ) จากฉันคนนี้ เราจะข้ามผ่าน คืนวันที่เลวร้ายไปด้วยกัน ถึงตายไม่หวั่นจะดูแลเธอด้วยชีวิตฉัน หากพรุ่งนี้ฟ้ายอมให้สิทธ์ เลือกได้ว่าใครจ­ะตายก่อน ฉันขอยอมเป็นคนๆนั้น จะดูแลเธอด้วยชีวิต ของฉัน เราจะข้ามผ่าน คืนวันที่เลวร้ายไปด้วยกัน ถึงตายไม่หวั่นจะดูแลเธอด้วยชีวิตฉัน หากพรุ่งนี้ฟ้ายอมให้สิทธ์ เลือกได้ว่าใครจ­ะตายก่อน ฉันขอยอมเป็นคนๆนั้น จะดูแลเธอด้วยชีวิตของฉัน ( โฮว )

เนื้อเพลง กลับมา

เนื้อเพลง กลับมา เพลง กลับมา ศิลปิน ทู เดย์ส อะโก คิดส์ อัลบั้ม Complilation : Be Free เพิ่งจะรู้ ว่าฉันเองรักเธอเท่าไหร่ ในวันที่เธอบอกฉันให้ทำใจ และจากนี้เธอจะต้องไป รักของเราคงเป็นไปไม่ได้ โลกช่างดูเงียบงันวันเหล่านั้นไม่อาจย้อนมา วันนี้ไม่เหลือใคร เหลือแต่ตัวฉันและน้ำตา จะต้องทำยังไงให้เธอคืนกลับมาหา ตอนนี้รู้แล้วว่ารักเธอมีค่า เหลือเกิน กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย อาจจะจริงที่ฉันเองยังไม่เข้าใจ จึงทำให้เธอผิดหวังและร้องไห้ อยากจะขอเธออย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวฉัน ได้หรือเปล่า เมื่อก่อนนี้เคยมีเธอคอยปลอบฉันเมื่อเจ็บช้ำมา วันนี้ไม่เหลือใคร เหลือแต่ตัวฉันและน้ำตา จะต้องทำยังไงให้เธอคืนกลับมาหา ตอนนี้รู้แล้วว่ารักเธอมีค่า เหลือเกิน กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี ต่อจากวันนี้ไปจะไม่ให้เธอผิดหวัง ให้โอกาสฉันอีก อีกสักครั้ง ได้โปรด อย่าทิ้งรักไปเลย ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/2130 เพลง กลับมา ศิลปิน ทู เดย์ส อะโก คิดส์ อัลบั้ม Complilation : Be Free เพิ่งจะรู้ ว่าฉันเองรักเธอเท่าไหร่ ในวันที่เธอบอกฉันให้ทำใจ และจากนี้เธอจะต้องไป รักของเราคงเป็นไปไม่ได้ โลกช่างดูเงียบงันวันเหล่านั้นไม่อาจย้อนมา วันนี้ไม่เหลือใคร เหลือแต่ตัวฉันและน้ำตา จะต้องทำยังไงให้เธอคืนกลับมาหา ตอนนี้รู้แล้วว่ารักเธอมีค่า เหลือเกิน กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย อาจจะจริงที่ฉันเองยังไม่เข้าใจ จึงทำให้เธอผิดหวังและร้องไห้ อยากจะขอเธออย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวฉัน ได้หรือเปล่า เมื่อก่อนนี้เคยมีเธอคอยปลอบฉันเมื่อเจ็บช้ำมา วันนี้ไม่เหลือใคร เหลือแต่ตัวฉันและน้ำตา จะต้องทำยังไงให้เธอคืนกลับมาหา ตอนนี้รู้แล้วว่ารักเธอมีค่า เหลือเกิน กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี ต่อจากวันนี้ไปจะไม่ให้เธอผิดหวัง ให้โอกาสฉันอีก อีกสักครั้ง ได้โปรด อย่าทิ้งรักไปเลย ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/2130

ILLSLICK - จูบ

ILLSLICK - จูบ แค่จูบเบาๆเท่านั้นทำเอาฉันสั่นไปถึงหัวใจ ♥ ตอนที่เธอจูบฉันดวงใจไหวหวั่นล่องลอยแสนไก­ล You're Gonna Smell That Weed When You Kiss Me You Know I Got A Groupie, Now She Wanna Meet Me ไม่ต้องไปคิดแค่ Let It Be, You're Gonna Need It Prom Queen, Sippin' Lean ทำไมต้องคิดอีก โปรดดดด ตอบฉันหน่อยซิ หรือว่าเป็นประเพณีสำหรับผู้หญิง :D ที่คุณว่าผมหยิ่ง แต่จริงๆแล้วผมอาย ได้โปรดอย่าอัพรูปคู่ เดี๋ยวแฟนคุณยิงผมตาย จะใส่ชุดอะไรไหนมาลองให้ผมทาย แค่ฟังเสียงอิลบวกคารมณ์คมคาย Let's ride * Ya Eee Ya Eee Yaaaaa สักวันหากเราต้องตายจะไม่เสียดาย So Baby Kiss Me One More Time * * คุณจูบฉับรอยจูบนั้นย่อมติดจนตาย จะลบรอยจูบอย่างไรไม่หาย อย่าลืม อย่าเลือน แค่จูบฉัน Baby Kiss Me One More Time I Ain't Never Told No Lie You're Such A Beautiful Girl... Pop ก็กลับไปร้อง Pop Rock ก็กลับไปร้อง Rock Dark R&b พูดยังไงคุณถึงจะมองออก มีความนัยบางคำที่อยากจะลองบอก ผมชอบคุณพูดจริงไม่ใช่แค่ลองหยอด และผมไม่มีแลมโบมีแต่ Longboard Baby Please Don't get Me Wrong แค่จะลองกอด พูดจริงตลอด ทุกๆคำที่บอก มันย่อมออกจากหัวใจ นั่นมันกลิ่น O.G จากริมฝีปากฉัน พาเธอไปในโลกที่เธอไม่อาจฝัน อยู่ในโลกที่เราไม่มีวันจากกัน คงอยู่ตลอดกาลนับจากนั้น Kiss Me, Kiss Me, Do It Now Kiss Me, Kiss Me, Do It Now Kiss Me, Kiss Me, Do It Now Kiss Me, Kiss Me, Do It Now No One Can Slow Me Down แต่ถ้าเธอมีดี You Better Show Me Now Baby Girl, I Got Chu But Don't Ask Me How Just Like Kurt Cobain, You Know What We're About Feat. หนึ่ง ETC รอยจูบนั้นมันฝังหัวใจ กี่ร้อยพันครั้งยังฝันเรื่อยไป แม้ค่ำคืนนี้จะแสนยาวไกล ช่วยฟังคำนี้อีกครั้งได้ไหม

เนื้อเพลงของตาย

ฉันจำเป็นต้องเชื่อเธอเหรอ เธอรักแค่ฉันคนเดียวจริงเหรอ ตรงนั้นเธอไม่มีใครจริงเหรอ แต่เสียงของเธอมันฟ้องว่าหลอกกัน คงเพราะฉันเองที่ยอมเสมอ ทุกๆ ครั้งที่เธอเสนอ เผลอใจไปทุกครั้งที่เจอกัน ไอ้ฉันมันเป็นอะไรที่อ่อนไหว รู้ก็รู้ว่าเธอนั้นร้ายกาจ แต่ฉันก็กลัวว่าใจจะขาด ที่ยอมปล่อยมือจากเธอ ให้เธอจากไป ฉันรับไม่ได้ อย่างฉันมันแค่แก้เหงาให้เธอคลาย คอยระบายความสุขชั่วข้ามคืน แต่ฉันเองก็ไม่ฝืน เต็มใจให้เธอมาทำร้ายซ้ำๆ ได้อยู่ดี ต่อให้ฉันต้องเป็นของตาย ฉันก็จะยอม แค่ให้ฉันได้เป็นของเธอ แค่นั้นฉันพร้อม ไม่มีเธอเมื่อไรหัวใจฉันคงต้องตรอม จากคนที่ไม่เคยต้องยอมแพ้ใคร ให้เธอคนเดียวที่ฉัน Love โอ๊ะ...โอ... คงเพราะฉันเองที่ยอมเสมอ ทุกๆ ครั้งที่เธอเสนอ เผลอใจไปทุกครั้งที่เจอกัน ไอ้ฉันมันเป็นอะไรที่อ่อนไหว รู้ก็รู้ว่าเธอนั้นร้ายกาจ แต่ฉันก็กลัวว่าใจจะขาด ที่ยอมปล่อยมือจากเธอ ให้เธอจากไป ฉันรับไม่ได้ อย่างฉันมันแค่แก้เหงาให้เธอคลาย คอยระบายความสุขชั่วข้ามคืน แต่ฉันเองก็ไม่ฝืน เต็มใจให้เธอมาทำร้ายซ้ำๆ ได้อยู่ดี ต่อให้ฉันต้องเป็นของตาย ฉันก็จะยอม แค่ให้ฉันได้เป็นของเธอ แค่นั้นฉันพร้อม ไม่มีเธอเมื่อไรหัวใจฉันคงต้องตรอม จากคนที่ไม่เคย ไม่ยอมแพ้ใคร ให้เธอคนเดียวที่ฉัน Love โอ๊ะ...โอ... –– ADVERTISEMENT –– ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/9290

เนื้อเพลง อย่าถามหาความรักจากคนหมดใจ

เนื้อเพลง อย่าถามหาความรักจากคนหมดใจ - กันกัน เนื้อเพลง อย่าถามหาความรักจากคนหมดใจ เพลง อย่าถามหาความรักจากคนหมดใจ ศิลปิน กันกัน คำร้อง/ทำนอง เหมือนเพชร อำมะระ เรียบเรียง ศุภวัฒน์ เพ็ชรบุรี ภาษาอะไรอยากหาความหมาย ก็มีในพจนานุกรม นาฬิกาที่มันตาย ยังบอกเวลาสองครั้งต่อวัน ฟ้ามืดมนหรือดาวเต็มฟ้า ปฏิทินยังบอกให้รู้ อุณหภูมิ จะร้อนหรือว่าเย็น ก็มีเครื่องมือที่วัดได้ แต่กับเธอๆ ที่เคยรักกัน และวันนี้กลับไม่รู้เลย ว่าเธอคิดอะไร แต่ก็เริ่มเข้าใจว่าเพราะอะไร ก็อย่าไปถามหาเลยไอ้คำว่ารัก กับคนที่หมดใจ ก็รู้ว่าคงไม่ได้อะไร ใจคนที่มันไม่มีแล้ว ยิ่งค้นเข้าไปยิ่งว่างเปล่า ก็เหลือเพียงคำตอบเดียว คือเธอไม่รักกัน คำว่ารัก คำว่าเรา มันคงไม่เหลือในใจของเธอ เดินเข้าไป แต่เหมือนว่ายิ่งไกล คือความห่างเหินที่รู้ได้ แต่กับเธอๆ ที่เคยรักกัน และวันนี้กลับไม่รู้เลย ว่าเธอคิดอะไร แต่ก็เริ่มเข้าใจว่าเพราะอะไร ก็อย่าไปถามหาเลยไอ้คำว่ารัก กับคนที่หมดใจ ก็รู้ว่าคงไม่ได้อะไร ใจคนที่มันไม่มีแล้ว ยิ่งค้นเข้าไปยิ่งว่างเปล่า ก็เหลือเพียงคำตอบเดียว คือเธอไม่รักกัน แต่กับเธอๆ ที่เคยรักกัน และวันนี้กลับไม่รู้เลย ว่าเธอคิดอะไร แต่ก็เริ่มเข้าใจว่าเพราะอะไร ก็อย่าไปถามหาเลยไอ้คำว่ารัก กับคนที่หมดใจ ก็รู้ว่าคงไม่ได้อะไร ใจคนที่มันไม่มีแล้ว ยิ่งค้นเข้าไปยิ่งว่างเปล่า ก็เหลือเพียงคำตอบเดียว คือเธอไม่รักกัน สุดท้ายคือคำตอบเดียว คือเธอไม่รักกัน ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/10443

เนื้อเพลง ฉันไม่มี

เนื้อเพลง ฉันไม่มี - ทีที ดู 195,236 ครั้ง 17687 แชร์ 17.7k 2 http://sz4m.com/t12191 ศิลปิน ทีที (T_T) | เพิ่มเมื่อ 23 ม.ค. 60 คลิปเพลง ฉันไม่มี เนื้อเพลง ฉันไม่มี เพลง ฉันไม่มี ศิลปิน ทีที เธอคนดี ฉันขอเวลาเธอสักหน่อย ก่อนที่เราจะไปต่อด้วยกัน เธอคนดี ให้ฉันได้พูดอะไรสักอย่าง ใช้เวลาแค่ไม่นาน ถ้าถามว่าฉัน รักเธอไหม ตอบเลยตรงนี้รักจนหมดใจ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจ ในบางอย่าง จึงอยากจะถามเธอ ถ้าไม่มีชุดวิวาห์ให้เธอได้ใส่ ไม่มีแหวนวงใดให้เธอได้สวม ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีตัดเค้ก ไม่มีสินสอดแพงๆ ให้เธอ ไม่มีการ์ดอวยพรใดๆ สักใบ ไม่มีฤกษ์ยามดี ให้เธอได้รู้กำหนด แล้วเธอจะรักไหม ยังจะรักฉันไหม ความรักจนๆ ของคนๆ หนึ่ง ซึ่งมันไม่มีอะไรจริงๆ นอกจากเธอ ถ้าถามว่าฉัน รักเธอไหม ตอบเลยตรงนี้รักจนหมดใจ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจ ในบางอย่าง จึงอยากจะถามเธอ ถ้าไม่มีชุดวิวาห์ให้เธอได้ใส่ ไม่มีแหวนวงใดให้เธอได้สวม ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีตัดเค้ก ไม่มีสินสอดแพงๆ ให้เธอ ไม่มีการ์ดอวยพรใดๆ สักใบ ไม่มีฤกษ์ยามดี ให้เธอได้รู้กำหนด ถ้าไม่มีชุดวิวาห์ให้เธอได้ใส่ ไม่มีแหวนวงใดให้เธอได้สวม ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีตัดเค้ก ไม่มีสินสอดแพงๆ ให้เธอ ไม่มีการ์ดอวยพรใดๆ สักใบ ไม่มีฤกษ์ยามดี ให้เธอได้รู้กำหนด แล้วเธอจะรักไหม ยังจะรักฉันไหม ความรักจนๆ ของคนๆ หนึ่ง ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/12191

เนื้อเพลงข้างหลัง

เสื้อตัวนั้นกางเกงตัวนั้นไม่กล้ามอง มุมห้องนั้นเก้าอี้ตัวนั้นเธอเคยนั่งร้อง ร้องเพลงด้วยกัน เรามีกันทุกวัน ในกล่องเก่าๆ ใบนั้นมันมีอะไร หนังสือเล่มนั้น รองเท้าคู่นั้นไม่กล้าใส่ จะเปิดเพลงนี้ จะฟังเพลงนั้นจะทำอะไร เธอคงไม่รู้เลย ว่าฉันเสียใจเท่าไร อยากจะถามอะไรมากมายเลยเธอ คนใหม่เขาหอมเธอไหมก่อนนอน คนใหม่เขาง้อเธอไหมเธองอน คนใหม่เขารู้ไหมว่าก่อนนอน จะต้องมีคนมาคอยกวนใจ คนใหม่เขารู้ไหมว่าเธอชอบอะไร เขารู้ไหมว่าเธอกลัวอะไร เขารู้ไหมว่ามีใครคอยทำให้เธอทุกอย่าง คนใหม่เขาหอมเธอไหมก่อนนอน คนใหม่เขาง้อเธอไหมเธองอน คนใหม่เขารู้ไหมว่าก่อนนอน จะต้องมีคนมาคอยกวนใจ คนใหม่เขารู้ไหมว่าเธอชอบอะไร เขารู้ไหมว่าเธอกลัวอะไร เขารู้ไหมว่ามีใครคอยทำให้เธอทุกอย่าง คนใหม่เขาหอมเธอไหมก่อนนอน คนใหม่เขาง้อเธอไหมเธองอน คนใหม่เขารู้ไหมว่าก่อนนอน จะต้องมีคนมาคอยกวนใจ คนใหม่เขารู้ไหมว่าเธอชอบอะไร เขารู้ไหมว่าเธอกลัวอะไร เขารู้ไหมว่ามีใครคอยทำให้เธอทุกอย่าง คนใหม่เขาหอมเธอไหมก่อนนอน คนใหม่เขาง้อเธอไหมเธองอน คนใหม่เขารู้ไหมว่าก่อนนอน จะต้องมีคนมาคอยกวนใจ คนใหม่เขารู้ไหมว่าเธอชอบอะไร เขารู้ไหมว่าเธอกลัวอะไร เขารู้ไหมว่ามีใครคอยทำให้เธอทุกอย่าง เขารู้ไหมว่ามีใครคอยทำให้เธอทุกอย่าง ...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/11888

เนื้อเพลง แค่โสด

นื้อเพลง แค่โสด-โซโลอิสต์ เพลง แค่โสด ศิลปิน โซโลอิสต์ ร่วมร้องโดย แร็พอีสาน และ ทริปเปิ้ลพี (PPP) กับคนที่มันหมดใจ เมื่อหมดเวลาก็ไป จะเศร้ากันไปทำไม มันไม่ได้มีใครตาย เคยใช้ชีวิตแบบไหน ก็ทำมันไปแบบนั้น เพราะความรู้สึกของเรา ตอนนี้นั้นมันไม่ต่างกัน มันก็เป็นดั่งวัฏจักรเดิม พอได้กันแล้วก็ต่างคนต่างเมิน ไม่แคร์ใครแล้ว เพราะต่างคนก็ต่างเดิน จะไปทางไหนให้ไปเถอะ ไปเลยเชิญ แก้วนี้ให้รักห่วยแตก จะเมามันก็ไม่แปลก จะคุยค่อยคุยตอนเช้า ตอนนี้เมา ก็แค่ความโสด มันกลับมาอีกครั้ง ไม่มีเขาก็ไม่ตาย ตัวฉันเชื่อว่าอย่างนั้น ฉลองกันไปคืนนี้ จัดกันไปให้พอดี แล้วเริ่มใหม่วันพรุ่งนี้ ทำให้ดีกว่าที่เคย ก็แค่ความโสด มันมาหาอีกครั้ง ถ้าคนมันรักเราจริง คงไม่ทิ้งไปอย่างนั้น จะคิดมากไปทำไม เราทุกคนก็เหมือนกัน ลองโสดไปสักหนึ่งปี รอให้ใจคนที่ดี ต้องมีสักวัน ฮึ้ย... หน้าหนาวเข้ามา ในสี่ห้องหัวใจยังว่าง กะโสดอีหลี บ่แม่นเศรษฐี หัวใจฮ้างๆ ถืกถิ่มถืกขว้าง สิมีผู้ใด มาเอาใจไปรักษา อย่าถามฮอดความหล่อเพราะอ้ายบ่เคยเป็นรองไผ บ่เคยถิ่มไผให้เสียใจ ที่ผ่านมากะถืกแต่เขามาปะถิ่ม โชคมันบ่เข้าข้าง เหมือนมีบุญแต่กรรมบัง ถือส่างมาเป็นตาซังแท้สู โสดอีกปีกะคือสิบ่เป็นหยัง เป็นตาซังโอ๊ยห่าตำห่าขั่ว แร็พอีสาน โซโลอิสต์ ทริปเปิ้ลพี หย่าว ก็แค่ความโสด มันกลับมาอีกครั้ง ไม่มีเขาาก็ไม่ตาย ตัวฉันเชื่อว่าอย่างนั้น ฉลองกันไปคืนนี้ จัดกันไปให้พอดี แล้วเริ่มใหม่วันพรุ่งนี้ ทำให้ดีกว่าที่เคย ก็แค่ความโสด มันมาหาอีกครั้ง ถ้าคนมันรักเราจริง คงไม่ทิ้งไปอย่างนั้น จะคิดมากไปทำไม เราทุกคนก็เหมือนกัน ลองโสดไปสักหนึ่งปี รอให้ใจคนที่ดี ต้องมีสักวัน ต้องมีสักคน ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเรา ถึงแม้ว่าตอนนี้ จะยังไม่เห็นแม้เพียงเงา ในวันที่เราเสียใจ จะเปลี่ยนชีวิตเราไป แค่ว่าตอนนี้มันท้อ แต่เธอต้องเริ่มต้นใหม่ ก็เช็ดน้ำตาสิ ก็ลุกขึ้นมาดิ มาโยกย้าย ให้คนที่จากจากใจดิ วันเวลาจะเป็นตัวบอกทุกอย่าง ว่าคน คนนั้นคือคนที่ใช่และพร้อมจะเดินร่วมทาง จะไม่มีวันที่เธอต้องกลับมาเสียใจ เหมือนในวันเดิมที่พลาดไป เพราะเขาเป็นครึ่งชีวิตที่เข้ามาคู่กัน จนวันสุดท้าย แค่เขาบ่ฮักบ่สนบ่แคร์ บ่ได้ใส่ใจ แค่คนใจร้าย บ่ฮักกันจริง มาทิ้งมาป๋า หลอกลวงแล้วก็หายไป อย่าไปสน อย่าไปแคร์ อย่าไปใส่ใจ ยกแก้วมาฉลองดีใจ Nobody cry ตะโกนให้ดังๆ กูยังไม่ตาย ก็แค่ความโสด มันกลับมาอีกครั้ง ไม่มีเขาก็ไม่ตาย ตัวฉันเชื่อว่าอย่างนั้น ฉลองกันไปคืนนี้ จัดกันไปให้พอดี แล้วเริ่มใหม่วันพรุ่งนี้ ทำให้ดีกว่าที่เคย ก็แค่ความโสด มันมาหาอีกครั้ง ถ้าคนมันรักเราจริง คงไม่ทิ้งไปอย่างนั้น จะคิดมากไปทำไม เราทุกคนก็เหมือนกัน ลองโสดไปสักหนึ่งปี รอให้ใจคนที่ดี ต้องมีสักวัน

ทวีปอเมริกาใต้

ทวีปอเมริกาใต้ 1. ขนาดที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ ทวีปอเมริกาใต้เป็นทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากทวีปเอเชีย ทวีปแอฟริกา และทวีปอเมริกาเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 17.8 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 299 ล้านคน รูปร่างของทวีปอเมริกาใต้คล้ายคลึงกับทวีปอเมริกาเหนือ คือ มีลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยมหัวกลับ มีฐานกว้างอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนยอดสามเหลี่ยมอยู่ทางทิศใต้ ตั้งอยู่ในแถบซีกโลกใต้ ระหว่างละติจูด 12 องศา 25 ลิปดาเหนือ ถึง 56 องศาใต้และลองติจูด 34 องศา 47 ลิปดาตะวันตก ถึง 81 องศา 20 ลิปดาตะวันตก อาณาเขตของทวีปอเมริกาใต้มีดังนี้ อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือ ติดกับทวีปอเมริกาเหนือ โดยมีคลองปานามาเป็นเส้นกั้นเขตแดนและติดต่อกับทะเลแคริบเบียน ในมหาสมุทรแอตแลนติก จุดเหนือสุดอยู่ที่แหลมกายีนาส ในประเทศโคลอมเบีย ทิศใต้ ติดกับทวีปแอนตาร์กติกา มีช่องแคบเดรกเป็นเส้นกั้นเขตแดน จุดใต้สุดอยู่ที่แหลมโฟร์วาร์ด ในคาบสมุทรบรันสวิก ประเทศชิลี ทิศตะวันออก ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก จุดตะวันออกสุดอยู่ที่แหลมโคเคอรูส ในประเทศบราซิล ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก จุดตะวันตกสุดอยู่ที่แหลมปารีนเยสในประเทศเปรู 2. ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมิประเทศของทวีปอเมริกาใต้สามารถแบ่งออกได้ 3 ลักษณะได้แก่ 1. เขตเทือกเขาตะวันตก ได้แก่ บริเวณเทือกเขาแอนดีส ซึ่งทอดตัวยาวขนานไปกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่ทางเหนือบริเวณทะเลแคริบเบียนไปจนถึงแหลมฮอร์นทางตอนใต้ มีความยาวประมาณ 7,200 กิโลเมตร เป็นแนวเทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลก ยอดเขาสูงที่สุดในบริเวณนี้ คือ ยอดเขาอะคองคากัว สูงประมาณ 6,924 เมตร บริเวณตอนกลางของเทือกเขามีที่ราบสูงที่สำคัญคือ ที่ราบสูงโบลิเวีย มีความสูงถึง 4,500 เมตร และมีขนาดกว้างใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากที่ราบสูงทิเบต บนที่ราบสูงแห่งนี้มีทะเลสาบซึ่งเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลก ได้แก่ ทะเลสาบติติกากา ในประเทศเอกวาดอร์ 2. เขตที่ราบสูงตะวันออก ประกอบด้วยที่ราบสูงสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ ที่ราบสูงกิอานา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศเวเนซูเอลา กายอานาซูรินาเม เฟรนซ์เกียนา และภาคเหนือของบราซิล มีลักษณะที่เป็นที่ราบสูงสลับกับเทือกเขาสลับซับซ้อน ที่ราบสูงบราซิล ตั้งอยู่ตอนกลางของทวีป บริเวณตะวันออกของประเทศบราซิล ตั้งอยู่ระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำแอมะซอน ที่ราบลุ่มแม่น้ำปารานา และที่ราบลุ่มแม่น้ำปารากวัย ทางตะวันออกมีความสูงชัน จากนั้นค่อย ๆ ลาดต่ำลงไปทางตะวันตก ที่ราบสูงปาตาโกเนีย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีป ในเขตประเทศอาร์เจนตินาทางตะวันออกค่อนข้างราบเรียบและค่อย ๆ สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทางตะวันตก 3. เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำ อยู่บริเวณตอนกลางของทวีป เป็นที่ราบดินตะกอนที่มีความอุดมสมบูรณ์และกว้าง ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาแอนดีสและที่ราบสูงทางตะวันออก เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำที่สำคัญของทวีปอเมริกาใต้มี 2 บริเวณได้แก่ ที่ราบลุ่มแม่น้ำแอมะซอนหรืออเมซอน เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 7 ล้านตารางกิโลเมตร มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ส่วนมากมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอนดีสและไหลสู่มหาสมุทรแอตแลนติก แม่น้ำที่สำคัญที่สุดในบริเวณนี้คือ แม่น้ำแอมะซอน ที่ราบลุ่มแม่น้ำโอริโนโค อยู่ทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศโคลอมเบีย และเวเนซุเอลา บริเวณนี้เป็นเขตเลี้ยงสัตว์ที่สำคัญของทวีปอเมริกาใต้ แม่น้ำที่สำคัญในทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่ แม่น้ำแอมะซอน มีความยาว 6,440 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากแม่น้ำไนล์ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอนดีส ไหลผ่านประเทศบราซิล ไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก แม่น้ำปารานา มีความยาว 2,800 กิโลเมตรมีต้นกำเนิดจากที่สูงทางตะวันออกของทวีป ไหลผ่านประเทศบราซิล ปารากวัย อาร์เจนตินา ลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกบริเวณอ่าวริโอเดอลาพลาตา แม่น้ำปารากวัย มีความยาว 2,550 กิโลเมตร มีต้นกำเนิดจากที่สูงในประเทศบราซิลไหลผ่านประเทศบราซิล ปารากวัยไปรวมกับแม่น้ำปารานาในเขตประเทศอาร์เจนตินา 3. ลักษณะภูมิอากาศ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปอเมริกาใต้ 1. ละติจูด พื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปครอบคลุมเขตอากาศร้อน และประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทวีปเป็นอากาศแบบอบอุ่น ภูมิภาคทางเหนือของทวีปจะมีฤดูกาลที่ตรงข้ามกับภูมิภาคทางใต้ 2. ลมประจำ ได้แก่ ลมค้าตะวันออกเฉียงเหนือ พัดผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกจึงนำความชุ่มชื้นเข้าสู่ทวีปบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ลมค้าตะวันออกเฉียงใต้ พัดผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกจึงนำความชุมชื้นเข้าสู่ทวีปบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ลมตะวันตกเฉียงเหนือ พัดผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกจึงนำความชุมชื้นเข้าสู่ทวีป บริเวณชายฝั่งตะวันตกของทวีป ตั้งแต่ประมาณละติจูด 40 องศาใต้ลงไป 3. ทิศทางของเทือกเขา ทวีปอเมริกาใต้มีเทือกเขาสูงอยู่ทางตะวันตกของทวีป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่กั้นขวางอิทธิพลจากทะเลและมหาสมุทร ทำให้บริเวณที่ใกล้เทือกเขาค่อนข้างแห้งแล้ง แต่ในทางตรงกันข้าม ชายฝั่งด้านตะวันออกจะได้รับอิทธิพลจากทะเลอย่างเต็มที่ 4. กระแสน้ำ มี 3 สายที่สำคัญ คือ กระแสน้ำอุ่นบราซิล ไหลเลียบชาวยฝั่งของประเทศบราซิล กระแสน้ำเย็นฟอล์กแลนด์ ไหลเลียบชายฝั่งประเทศอาร์เจนตินา กระแสน้ำเย็นเปรู (ฮัมโบลด์) ไหลเลียบชายฝั่งประเทศเปรูและชิลี เขตภูมิอากาศแบ่งออกได้เป็น 8 เขต ดังนี้ ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้น ได้แก่ บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำแอมะซอน เป็นบริเวณที่มีอากาศเย็น ป่าดิบชื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลกส่วนใหญ่มีพื้นที่อยู่ประเทศบราซิล มีอุณหภูมิสูงเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส มีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปีประมาณ 2,000 มิลลิเมตรต่อปี ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเขตร้อน ได้แก่ บริเวณตอนเหนือและใต้ของลุ่มแม่น้ำแอมะซอน มีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ฤดูร้อนมีฝนตกแต่ไม่ชุกเหมือนในเขตป่าดิบชื้น อุณหภูมิสูงเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส มีลักษณะอากาศคล้ายกับภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ภูมิอากาศแบบทะเลทราย ได้แก่ ภาคใต้ของเปรูและภาคเหนือของชิลี เป็นบริเวณที่ร้อนและแห้งแล้งมาก มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยต่ำกว่า 250 มิลลิเมตรต่อปี และบางครั้งฝนไม่ตกยาวนานติดต่อกันหลายเดือน ทะเลทรายที่สำคัญในบริเวณนี้ได้แก่ ทะเลทรายอะตากามาในประเทศชิลี ในบริเวณนี้มีฝนตกน้อยกว่า 50 มิลลิเมตรต่อปี บางครั้งฝนไม่ตกติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี จัดเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย ได้แก่ ทางตะวันออกของประเทศอาร์เจนตินาจนถึงที่ราบสูงปาตาโกเนีย อุณหภูมิไม่สูงนักเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น ฤดูร้อนมีอากาศร้อน ปริมาณฝนน้อยประมาณ 500 มิลลิเมตรต่อปี ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ได้แก่ บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ตอนกลางของประเทศชิลี ในฤดูร้อนมีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ฤดูหนาวมีฝนตก ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น ได้แก่ บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของทวีป ตั้งแต่ตอนใต้ของบราซิล ปารากวัย อุรุกกวัย และตะวันออกเฉียงเหนือของอาร์เจนตินา อากาศในบริเวณนี้ไม่แตกต่างกันมากนัก ฤดูหนาวมีอากาศอบอุ่น ฤดูร้อนมีฝนตกเฉลี่ย 750 – 1,500 มิลลิเมตรต่อปี ภูมิอากาศแบบภาคฟื้นสมุทร ได้แก่ บริเวณชายฝั่งทะเลอากาศหนาวจัด มีฝนตกเกือบตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ร่วงเฉลี่ย 5,000 มิลลิเมตรต่อปี ภูมิอากาศแบบที่สูง ได้แก่ บริเวณเทือกเขาแอนดีส เป็นบริเวณที่มีความแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับระดับความสูงของพื้นที่ คือ บริเวณที่ราบมีอุณหภูมิสูงและฝนตกชุก เมื่อสูงขึ้นอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนจะลดลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 3,000 เมตร มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 15 องศาเซลเซียส ปริมาณฝนตกเฉลี่ย 1,000 มิลลิเมตรต่อปี ในขณะที่ประเทศอื่นที่อยู่บริเวณเส้นศูนย์สุตร แต่ตังอยู่บนที่ราบ (เช่น มาเลเซีย มีอุณหภูมิเฉลี่ย 27 องศาเซียส และมีฝนตกชุกตลอดทั้งปีสูงกว่า 2,500 มิลลิเมตรต่อปี 4. ลักษณะเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมทางสังคม วัฒนธรรม ลักษณะเศรษฐกิจ การทำเกษตรกรรม จากลักษณะอากาศของทวีป เหมาะกับการปลูกพืชเมืองร้อน เช่น กาแฟ กล้วย โกโก้ อ้อย ยาสูบ โดยเฉพาะกาแฟมีผู้ผลิตรายใหญ่ คือ บราซิลและโคลัมเบีย บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปารานา – ปารากวัย – อุรุกวัย มีความเหมาะสมในการปลูกข้าวสาลี เนื่องจากอยู่ในเขตอบอุ่นและเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในเขตประเทศอาร์เจนตินา การเพาะปลูกในทวีปมีทั้งการเพาะปลูกเป็นไร่การค้าขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า เอสตันเซีย และมีการเพาะปลูกแบบยังชีพ การเลี้ยงสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ในทวีปอเมริกาใต้กระทำอย่างกว้างขวาง ดังนี้ ทุ่งหญ้าปามปัส เป็นเขตปศุสัตว์ขนาดใหญ่ มีการเลี้ยงโคเนื้อ โคนม แกะ ทุ่งหญ้ายาโนส (Llanos) และทุ่งหญ้าแกมโปส (Campos) เป็นเขตเลี้ยงโคเนื้อ ทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย บริเวณที่ราบสูงปาตาโกเนีย มีการเลี้ยงแกะพันธุ์ขน ประเทศที่ส่งเนื้อสัตว์เป็นสินค้าออกจำนวนมาก คือ ประเทศอาร์เจตินา อุรุกวัย บราซิล การประมง แหล่งประมงที่สำคัญของทวีป คือ บริเวณชายฝั่งประเทศเปรูและชิลี ซึ่งมีกระแสน้ำเย็นเปรู (ฮัมโบลด์) ไหลผ่าน มีปลาแอนโชวีเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการจับปลาตามลุ่มแม่น้ำต่าง ๆ โดยชาวพื้นเมืองอีกด้วย แต่เป็นการจับปลาเพื่อยังชีพ การป่าไม้ การทำป่าไม้ในทวีปมีไม่มากนักเนื่องจากความไม่สะดวกในการคมนาคมและการขนส่ง เขตที่มีความสำคัญในการทำป่าไม้ คือ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล การทำเหมืองแร่ ทวีปอเมริกาใต้เป็นแหล่งผลิตพืชเมืองร้อนและสินแร่ การทำเหมืองแร่มีความสำคัญรอง จากการทำเกษตรกรรม โดยมีแหล่งแร่ที่สำคัญดังนี้ - น้ำมัน ในเวเนซุเอลา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ บราซิล - เหล็ก ถ่านหิน ในบราซิล - ไนเตรท ในภาคเหนือของชิลี - บอกไซด์ ในเกียนา ซูรินาเม อุตสาหกรรม การอุตสาหกรรมในทวีปยังไม่ค่อยมีความเจริญมากนัก เนื่องจากขาดเงินทุน และยังต้องอาศัยความร่วมมือและการร่วมลงทุนจากต่างชาติ ประเทศที่มีความเจริญทางด้านอุตสาหกรรม คือ อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี เวเนซุเอลา

ขันหมาก

เตรียมพร้อม ! ขบวนขันหมากตามประเพณีไทย 181,660อ่าน 37 ขบวนขันหมาก เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม สำหรับพิธีการหรือสิ่งของที่ต้องใช้ในงานแต่งงานนั้น บ่าวสาวสมัยใหม่หลายคู่คงไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานตามประเพณีไทยสักเท่าไหร่ วันนี้กระปุกเวดดิ้งเลยมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับการจัดเตรียมขบวนขันหมากตามประเพณีไทย รวมทั้งการจัดขบวนแห่ขันหมากต้องลำดับอะไรก่อนหลัง เรามีคำตอบมาบอกกันค่ะ ประเพณีการจัดขันหมากในงานแต่งงาน ในขบวนจะแบ่งออกเป็น "ขันหมากเอก" และ "ขันหมากโท" ติดตามด้วยเหล่าบริวารขันหมาก ส่วนรูปตามแบบฉบับฝีมือชาววังที่นิยมทำกันนั้น มี 2 แบบ คือ แบบใช้พลูจีบ กับ แบบที่ไม่ใช้พลูจีบ โดยทั้ง 2 แบบ จะใส่หมากพลูเป็นจำนวนคู่ อย่าง คู่ 4 หรือ คู่ 8 นำมาจัดเรียงให้สวยงาม สาเหตุที่ต้องมีการใส่หมากพลูลงไปในพานขันหมาก ก็เพราะในสมัยก่อนนิยมกินหมาก จึงมีการใช้หมากพลูเป็นเครื่องต้อนรับ เพื่อแสดงไมตรีจิต และหมายถึงความยินดีต้อนรับอย่างเป็นกันเองด้วยไมตรีจิต ซึ่งนอกจากพานขันหมากเอกแล้ว ยังมีพานต่าง ๆ ที่ฝ่ายชายจะต้องเตรียมทั้งหมดเพื่อแห่ในขบวนขันหมาก ดังนี้ ... พานขันหมากเอก ประกอบด้วย 1. พานขันหมาก เป็นพานของฝ่ายชายเชิญมาที่บ้านฝ่ายหญิง ประกอบด้วย พลู 2 พาน ในพานจะมี หมาก 8 ผล, พลู 4 เรียง ๆ ละ 8 ใบ, ถุงเงิน 2 ใบ, ถุงทอง 2 ใบ ข้างในบรรจุ ถั่วเขียว, งาดำ, ข้าวเปลือก, ข้าวตอก และซองเงิน 1 ซอง ขบวนขันหมาก 2. พานสินสอด พานทองหมั้น ใช้สำหรับใส่เงิน, ทอง, เพชร, นาค ไว้ในพานเดียวกัน ใช้สองพานหรือ 1 พานก็ได้ ซึ่งพานนี้จะมีผ้าคลุมไว้ ส่วนใหญ่ใช้ผ้าลูกไม้ ภายในพาน นอกจากสินสอดเงินทองแล้ว จะต้องมีใบเงิน, ใบทอง, ใบนาค, กลีบกุหลาบ, กลีบดาวเรือง, กลีบบานไม่รู้โรย, ดอกมะลิ, ดอกรัก, ถุงเงิน และถุงทอง ขบวนขันหมาก ขบวนขันหมาก 3. พานแหวนหมั้น ใช้พานขนาดเล็กซึ่งจะมีการออกแบบที่รองแหวนด้วยการจัดประดับพานด้วยดอกไม้ เพื่อความสวยงามด้วย ขบวนขันหมาก 4. พานธูปเทียนแพ ไม่ต้องทำขนาดใหญ่มากจนเกินไป เพื่อจะใช้พานนี้ในการรับไหว้ ผู้ใหญ่ด้วยก็สามารถทำได้เช่นกัน ขบวนขันหมาก 5. พานผ้าสำหรับไหว้ หรือพานธูปเทียนแพ จำนวนแล้วแต่จะกำหนด ซึ่งพานไหว้ผู้ใหญ่ในสมัยก่อนจะใช้พานธูปเทียนแพเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นผ้าขาวสำหรับนุ่ง 1 ผืน และผ้าสำหรับห่ม 1 ผืน เทียน และธูปหอม ดอกไม้ 1 กระทง อันนี้สำหรับเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ถ้า ยังมีชีวิตอยู่ไม่ต้องจัดพานดังกล่าว แต่จะจัดในส่วนที่สอง คือสำรับที่จะใช้ไหว้ ญาติผู้ใหญ่ พ่อและแม่ของทั้งสองฝ่าย โดยการใช้ผ้าขาวสำหรับนุ่งและผ้าห่ม อย่างล่ะ 1 ผืน หรือจะใช้เสื้อผ้า หรือของอื่น ๆ แทนก็ได้ แต่ไม่ต้องใช้ธูปเทียนและดอกไม้ 6. พานเชิญขันหมาก 1 พาน โดยจะให้เด็กผู้หญิง ฝ่ายเจ้าสาวถือต้อนรับขันหมาก นำขันหมากเจ้าบ่าว ขบวนขันหมาก 7. ร่มสีขาว 2 คัน โดยจะให้เฒ่าแก่ 2 ฝ่ายถือ 8. ช่อดอกไม้เล็ก ๆ สำหรับเจ้าบ่าวถือ 9. พานต้นกล้วย 1 คู่ ต้นอ้อย 1 คู่ เพื่อสื่อถึงให้คู่บ่าวสาวทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ ต้นกล้วยยังหมายถึงให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้เป็นต้นเล็กนำมาให้เฒ่าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นคนถือ พานขันหมากโท หรือขันหมากบริวาร ประกอบด้วย... 1. พานขนมมงคล 9 อย่าง จำนวน 2 พาน อาทิ ทองหยิบ, ทองหยอด, ฝอยทอง, ทองเอก, ขนมจ่ามงกุฎ, ขนมเสน่ห์จันทร์, ขนมลูกชุบ, ขนมหม้อแกง, ขนมข้าวเหนียวแดง, ขนมข้าวเหนียวแก้ว และขนมชั้น ซึ่งในสมัยก่อนจะใช้ขนมโบราณ อย่าง ขนมกง, ขนมทองเอก, ขนมชะมด, ขนมสามเกลอ, ขนมโพรงแสม, ขนมรังนก ซึ่งปัจจุบันหายากแล้ว และหลายคนก็ไม่รู้จักแล้ว ส่วนขนมที่ไม่นิยมนำมาใช้ในงานมงคล คือ ขนมต้มแดง ต้มขาว ขบวนขันหมาก 2. พานไก่ต้ม พานหมูนอนตอง 3. พานวุ้นเส้น 1 คู่ 4. พานมะพร้าว 1 คู่ 5. พานกล้วยหอม (จำนวนหวีต้องเป็นคู่) และส้ม 1 คู่ 6. พานส้มโอ 1 คู่ 7. พานชมพูเพชร 1 คู่ 8. พานคู่ขนมเสน่ห์จันทร์หรือขนมเปี๊ยะ 1 คู่ 9. พานขนมกล่อง จำนวนตามญาติผู้ใหญ่ที่เราจะแจก ซึ่งจะใช้ขนมอะไรก็ได้แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบ้าน พานผ้าเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ประกอบด้วย 1. ธูป 5 ดอก เทียน 2 เล่ม 2. มะพร้าวอ่อน 1 คู่, กล้วยน้ำหว้า 2 หวี, ไก่ต้ม 1 ตัว, หมูนอนตอง 1 ที่ 3. เหล้า 1 คู่ 4. ผ้าขาว 1 พับ (ประมาณ 4 ศอก หรือ 2 เมตร) ส่วนตัวเจ้าสาวจะต้องเตรียม คือ 1. พานเชิญขันหมาก เมื่อขบวนขันหมากมาถึงบ้านฝ่ายหญิงและผ่านประตูเงินประตูทอง ฝ่ายหญิงก็จะลงมาเชิญขันหมากขึ้นเรือน เป็นธรรมเนียมมารยาทที่เชื้อเชิญญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายขึ้นเรือน ขบวนขันหมาก 2. เด็กสาวที่เป็นลูกหลานวัยเด็ก ๆ ไว้ล้างเจ้าบ่าว ก่อนขึ้นเรือนของฝ่ายหญิง 3. ประตูเงิน ประตูทอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นญาติของฝ่ายหญิงถือกั้นไว้ ลำดับการจัดขบวนขันหมาก 1. เฒ่าแก่และเด็กนำขันหมาก (เด็กผู้ชาย) โดยในตอนเริ่มขบวนเฒ่าแก่จะอยู่เรียงต่อจากเจ้าบ่าว แต่เมื่อเดินทางมาใกล้ถือหน้าบ้านเจ้าสาว เฒ่าแก่ก็จะเป็นฝ่ายออกมารับหน้า ซึ่งถือว่าเป็นแทนเจ้าบ่าว 2. เจ้าบ่าวถือช่อดอกไม้เล็ก ๆ หรือพานธูปเทียนแพรก็ได้ ซึ่งเมื่อเริ่มแห่ ขบวนตอนแรกเจ้าบ่าวขบวนอยู่หน้าสุดของขบวน ตามด้วย เฒ่าแก่ ส่วนต้นกล้วยและต้นอ้อยที่เดินตามเจ้าบ่าวมานั้น เมื่อขบวนเคลื่อนย้ายมาถึงหน้าบ้านแล้ว ให้มาอยู่หลังสุด ก่อนขบวนรำ 3. คนถือซองเงิน พ่อแม่เจ้าบ่าว 4. คู่ต้นกล้วย-ต้นอ้อย 5. ขันหมากเอก (ญาติผู้ใหญ่ถือ) 6. คู่พานขันหมากพลู 7. พานขันหมากเงินสินสอด พานทองหมั้น 8. พานแหวนหมั้น พานธูปเทียนแพ 9. คู่พานผ้าไหว้ 10. ขันหมากโท (ญาติหรือเพื่อนถือ) 11. คู่พานขาหมู 12. คู่พานวุ้นเส้น 13. คู่พานมะพร้าว 14. คู่พานกล้วยหอม-ส้ม-ชมพูเพชร 15. คู่พานส้มโอ 16. คู่พานขนมมงคล 9 อย่าง 17. คู่พานขนมเสน่ห์จันทร์หรือขนมเปี๊ยะ 18. คู่พานขนมกล่อง 19. ปิดท้ายด้วยขบวนรำ ทั้งนี้ ในพิธีงานแต่งงานอาจจะมีความยุ่งยากมาก เพราะต้องเตรียมของเป็นจำนวนมากมาย แต่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อนอะไรเพียงแค่เราควรวางแผนให้ดีก่อนล่วงหน้า รับรองได้เลยว่างานแต่งงานของคุณจะผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหา อะไรแน่นอนค่ะ วางแผนแต่งงาน ชุดแต่งงาน เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับงานแต่งงาน คลิกเลย คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ

ทวีปอเมริกาเหนือ

เอเชีย เป็นทวีปใหญ่และมีประชากรมากที่สุดในโลก ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือและตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 8.7 ของผิวโลก (ร้อยละ 30 ของส่วนที่เป็นพื้นดิน) และมีประชากรราว 3,900 ล้านคน หรือร้อยละ 60 ของประชากรมนุษย์ปัจจุบัน ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 20 ประชากรเอเชียเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า[1] ตามบทนิยามที่เสนอโดยสารานุกรมบริตานิกา[2] และสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟิก[3] เอเชียมีพื้นที่ 4/5 ของทวีปยูเรเซีย โดยมีส่วนตะวันตกของยูเรเซียเป็นทวีปยุโรป เอเชียตั้งอยู่ทางตะวันออกของคลองสุเอซ ตะวันออกของเทือกเขาอูราล และใต้เทือกเขาคอเคซัส (หรือแอ่งคูมา-มานิช) และทะเลสาบแคสเปียนและทะเลดำ พรมแดนตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ใต้ติดมหาสมุทรอินเดีย และเหนือติดมหาสมุทรอาร์กติก มีหนึ่งประเทศตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ ไซปรัส เอเชียเป็นทวีปที่มีความหลากหลายมาก ทั้งกลุ่มเชื้อชาติ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ความผูกพันทางประวัติศาสตร์และระบบรัฐบาล

ขันธ์ 5

ขันธ์ 5 ขันธ์ 5 ท่านว่าเป็นกองทุกข์ ถ้าอยากได้สุขให้ละเหตุของทุกข์ คือการเข้าไปยึดมั่นในขันธ์ 5 เมื่อไม่ยึด มันก็ไม่ทุกข์ การที่ไม่ยึดหมายความว่า ให้มองเห็นว่ามันเป็นธรรมดา แล้วนำใจเข้าไปยอมรับสภาพนั้น มันก็ไม่ก่อให้เกิดทุกข์ เรียกว่า การปฎิบัติธรรม (หรือมรรค) ซึ่งจะมีผลเป็นนิโรธ (การดับทุกข์)การมองเห็นธรรมดา คือมองให้เห็นว่าขันธ์ 5 มีธรรมดาในการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่สามารถเข้าไปบังคับมันได้ ขันธ์ 5 ได้แก่ 1. รูป หมายถึง กองเลือดเนื้อ ร่างกาย กระดูก ทุกสิ่งที่เห็นด้วยตา 2. เวทนา คือ ความรู้สึกที่สุข ทุกข์ 3. สัญญา คือ ความจำ 4. สังขาร คือ การปรุงแต่งของจิต เช่น ความรู้สึกต่าง ๆ เช่น เหงา ดีใจ เสียใจ เศร้า ครึ้มใจ ใจฟู 5. วิญญาณ ในที่นี้ท่านหมายถึง อาการทางประสาททั้ง 5 เช่น การปวดเมื่อย การปวดหัว ปวดท้องต่างๆ ท่านให้มองสิ่งเหล่านี้ว่ามีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นปกติ ไม่มีใครสามารถบังคับมันได้ เช่น รูป เมื่อร่างกายแก่ เราก็ห้ามความแก่ไม่ได้ เมื่อเจ็บก็ห้ามมันไม่ได้ เมื่อตายก็ห้ามไม่ได้ เวทนา ความสุข-ทุกข์ เช่น เราลองตั้งใจให้เป็นสุขสัก 5 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้มันทุกข์สัก 2 ชั่วโมง ในเมื่อเรากำหนดไม่ได้ มันเป็นของมันอย่างนั้นเอง มันสุขทุกข์ มันก็เป็นของมัน ไม่สามารถเข้าไปบังคับมันได้ มีเพียงสติตามรู้เท่านั้น สัญญา คือความจำนั่นเอง อันนี้ไม่อธิบายมาก สังขาร คือการปรุงแต่งของจิต เช่น ความรู้สึกดีใจ รู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าเหงา สิ่งเหล่านี้มันก็ไม่เที่ยง ไม่มีใครจะกำหนดได้ว่าฉันขอมีความรู้สึกดีใจ 5 ชั่วโมง หลังจากนั้นฉันขอรู้สึกเฉย ๆ หรือ จะตั้งว่าขอโกรธสัก 10 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้มีความสุขต่อ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เองมันไม่เที่ยง มันเกิดความรู้สึกก็เกิดของมันเอง เมื่อมันดับ ก็ดับของมันเอง เช่นกัน มีเพียงสติเข้าไปตามรู้ว่า ตอนนี้โกรธ ตอนนี้เกลียด ก็อย่าหลงไปตามความรู้สึกนั้น ๆ วิญญาณ คืออาการทางประสาท เช่น เมื่อยมาก แต่สักพักมันก็หายของมันเอง

ทวีปเอเชีย

เอเชีย เป็นทวีปใหญ่และมีประชากรมากที่สุดในโลก ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือและตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 8.7 ของผิวโลก (ร้อยละ 30 ของส่วนที่เป็นพื้นดิน) และมีประชากรราว 3,900 ล้านคน หรือร้อยละ 60 ของประชากรมนุษย์ปัจจุบัน ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 20 ประชากรเอเชียเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า[1] ตามบทนิยามที่เสนอโดยสารานุกรมบริตานิกา[2] และสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟิก[3] เอเชียมีพื้นที่ 4/5 ของทวีปยูเรเซีย โดยมีส่วนตะวันตกของยูเรเซียเป็นทวีปยุโรป เอเชียตั้งอยู่ทางตะวันออกของคลองสุเอซ ตะวันออกของเทือกเขาอูราล และใต้เทือกเขาคอเคซัส (หรือแอ่งคูมา-มานิช) และทะเลสาบแคสเปียนและทะเลดำ พรมแดนตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ใต้ติดมหาสมุทรอินเดีย และเหนือติดมหาสมุทรอาร์กติก มีหนึ่งประเทศตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ ไซปรัส เอเชียเป็นทวีปที่มีความหลากหลายมาก ทั้งกลุ่มเชื้อชาติ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ความผูกพันทางประวัติศาสตร์และระบบรัฐบาล

ทวีปยุโรป

ทวีปยุโรป ทวีปยุโรป มีฐานะเป็นทวีปทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในทางภูมิศาสตร์ ยุโรปเป็นอนุทวีปที่อยู่ทางด้านตะวันตกของมหาทวีปยูเรเชีย ยุโรปมีพรมแดนทางเหนือติดกับมหาสมุทรอาร์ติก ทางตะวันตกติดกับมหาสทุทรแอตแลนติก ทางใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำ ด้านตะวันออกติดกับเทือกเขายูรัลและทะเลแคสเปียน ทวีปยุโรปมีพื้นที่ 10,600,000 ตร.กม. เล็กที่สุดเป็นอันดับสองรองจากทวีปออสเตรเลีย แต่มีจำนวนประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจากทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา ปี พ.ศ. 2546 ยุโรปมีประชากรราว 799,566,000 คน หรือประมาณ 1 ใน 8 ของประชากรโลก ทวีปยุโรปเป็นทวีปที่มีลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสมในการตั้งถิ่นฐานทั้งในด้านลักษณะภูมิประเทศทีมีราบลุ่ม เทือกเขาที่ไม่ตั้งกั้นทางลม มีแม่น้ำหลายสาย ลักษณะภูมิอากาศที่อบอุ่น ชุ่มชื่น มีทรัพยากรธรรมชาติ คือ เหล็กและถ่านหิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จึงส่งผลให้ทวีปยุโรปมีประชากรตั้งถิ่นฐานหนาแน่นที่สุดในโลก อีกทั้งเป็นทวีปที่มีอารยธรรมที่เก่าแก่ คือ อารยธรรมกรีกและโรมัน

เกิด แก่ เจ็บ ตาย

สัจธรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา. นำเข้าเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2555 โดย ธรรมทาน อ่าน [78201] สัจธรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา. ..... สัจธรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา. พระธรรมโกศาจารย์ (หลวงพ่อ ปัญญา นันทภิกขุ) “พักผ่อนเสียบ้าง เพราะว่า ถึงเราจะทำไปมากมายสักเท่าใด ก็เท่านั้นแหละ เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ ก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สักชิ้นเดียว เราต้องทิ้งไว้ในโลกนี้เท่านั้น จึงควรมีการพักผ่อน.” หลักพิจารณา ๕ ประการ: “ อภิณณหปัจจเวกขณะ ”. - เรามีความแก่เป็นธรรมดา...หนีความแก่ไปไม่พ้น. - เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา...หนีความเจ็บไปไม่ต้น. - เรามีความตายเป็นธรรมดา...หนีความตายไปไม่ต้น. - เราจะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ที่ชอบใจ เป็นธรรมดา...เราหนีจากกฎเกณฑ์ข้อนี้ไปไม่พ้น. - เราทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว...เราจะหนีจากผลที่เราได้ทำไว้ไม่ได้เด็ดขาด. - “การทำตามคำสอนของตถาคต ก็คือ ไม่โกรธในการประทุษร้ายของโจรคนนั้น แม้เขาจะเลื่อยขาเราก็ยังไม่โกรธ เรามีความควบคุมจิตใจได้ เราอดได้ เราทนได้ เรายิ้มรับกับเหตุการณ์ได้ นั่นแหละชื่อว่าได้ ปฏิบัติตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า.” - “เธออย่าไปยินดี ยินร้าย กับคำพูดของคนใดๆ เขาพูดชมเราก็อย่ายินดี พูดติเราก็อย่ายินร้าย.” - “พระพุทธเจ้าท่านว่าไว้ดีนา บอกว่า ใครมาด่าใครคนหนึ่ง แล้วใครคนนั้นโกรธ ด่าตอบอีกคน คนที่ด่าทีหลังเลวกว่าคนแรก .” - “อุดมการณ์ของชีวิตไว้ว่า เราเกิดมาเพื่อความดี เราอยู่เพื่อความดี เราจะคิดแต่เรื่องดี จะพูดแต่เรื่องดี จะทำแต่เรื่องดี เราจะไม่คิดเรื่องชั่ว เรื่องร้าย เพราะสิ่งนั้นมันจะทำให้เรามีราคาน้อยลงไป จนกระทั่งหมดราคาการเกิดมาแล้วทำให้ตนหมดราคานั่นเขาเรียกว่า เสียชาติที่ได้เกิดมา ไม่ได้เรื่องอะไร.” - “ความจริงแท้นั้นไม่มี พระพุทธศาสนาสอนเรื่องไม่มี ส่วนลึกเรื่องไม่มี คือ ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวไม่มีตน ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีอะไร ทั้งนั้น (ต้องคิดอย่างละเอียด)”. - “ ไปเก็บเอามานั่งกลุ้มใจเล่นๆ เรื่องเก่า ๗ วันแล้ว ๓ เดือนแล้ว ๓ ปีแล้ว เอามานั่งคิดให้กลุ้มใจเล่น เหมือนไม่มีงานทำ เป็นคนว่างงาน เลยหาเรื่องให้กลุ้มใจเล่น มันเรื่องอะไร? ” : การเข้าถึงแก่นแท้ของพระรัตนตรัย : การทำอะไรที่เป็นวัตถุนั้น ทำแต่น้อยพอสมควร แต่ว่าการทำตนให้เข้าถึงเนื้อแท้ขององค์พระพุทธเจ้า นั่นแหละเป็นเรื่องสำคัญ. - เราอย่าไปยึดถืออะไร แต่ให้เรารู้ว่าเรามีกายมีใจ ใจเรานี้จะต้องปฏิบัติเรื่อยๆ จนถึงจุดหมายปลายทาง คือ “ความพ้นทุกข์”.

กลไกลราคา

กลไกราคา (price mechanism) หมายถึง ตัวกำหนดการจัดสรรทรัพยากรในระบบเศรษฐกิจทีมีปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคา คือ อุปสงค์ (demand) และอุปทาน (supply) โดย: ครูพิศมัย [6 ธ.ค. 54 19:51] ( IP A:171.4.175.223 X: ) Add to Facebook Add to Twitter Add to Multiply Add to Google Add to Blogger Add to Live ความคิดเห็นที่ 1 อุปสงค์ (Demand) คือ ปริมาณความต้องการซิ้อสินค้าและบริการของผู้ซื้อในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ณ ระดับราคาต่างๆ กัน อุปทาน (supply) คือ ปริมาณความต้องการเสนอขายสินค้าและบริการของผู้ขายในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ณ ระดับราคาต่างๆ กัน โดย: ครูพิศมัย [6 ธ.ค. 54 19:55] ( IP A:171.4.175.223 X: ) ความคิดเห็นที่ 2 ตลาด ความหมายทั่วๆ ไปเป็นสถานที่ที่มีผู้ขายจำนวนมากนำสินค้ามาวางขาย ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์จะเกิดขึ้นทันที่ที่มีการตกลงซื่อขายกัน ต่อรองราคาหรือมีการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ โดยไม่จำเป็นต้องมีสินค้าและบริการปรากฏอยู่ ณ สถานที่นั้น โดย: ครูพิศมัย [6 ธ.ค. 54 20:04] ( IP A:171.4.175.223 X: ) ความคิดเห็นที่ 3 องค์ประกอบของตลาด จะประกอบด้วย ผู้ซื้อ ผู้ขาย สินค้า และ ราคา ซึ่งอาจจะมีพ่อค้าคนกลางร่วมด้วย ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารได้ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยอาศัยคนกลางน้อยลง นอกจากนี้ความสะดวกสบายรวดเร็วของสื่อที่ใช้ในการชำระค่าสินค้าก็ทำได้คล่องตัวขึ้น เช่น ระบบเครดิต เป็นต้น โดย: ครูพิศมัย [6 ธ.ค. 54 20:11] ( IP A:171.4.175.223 X: ) ความคิดเห็นที่ 4 อยากได้เทคนิคการสอนเรื่อง กลไกราคา โดย: NATHAMIN [15 ธ.ค. 55 14:05] ( IP A:202.143.144.83 X: ) ความคิดเห็นที่ 5 Interesting piece! I have frequently considered this very free credit reports from all 3 bureaus topic. You've certainly put a remarkable quantity of thought and study into developing this comprehensive grants for single mothers post. You introduced and suggested numerous elements I had actually ruled out. Well done. Do you plan on writing a scholarships for women one? Hailey โดย: [16 ก.พ. 59 7:36] ( IP A:24.125.154.48 X: )

การเกิดใหม่

การเกิดใหม่ คำว่า “ การเกิดใหม่” นี้ ในหลักพุทธธรรมขั้นปรมัตถ์ไม่มี แต่มีในการสื่อความหมายของคนทั่วไป เพราะหากมีการเกิดใหม่ ก็จะต้องมีการตาย จึงมีคำถามว่า คำว่า คนตายหมายถึงอะไรตาย? คนตายแล้วเกิดหรือไม่? ถ้าตอบว่าไม่เกิด (ขาดสูญ) ก็จบลงแค่นั้น แต่ถ้าตอบว่า คนตายแล้วเกิด จึงถามต่อไปอีกว่า อะไรไปเกิด? ฯลฯ การตอบคำถามที่ยกมาข้างต้น หากตอบตามหลักพุทธธรรมก็ตอบได้หลายนัย คือ ตายแล้วเกิด หมายถึง กระบวนการที่มีการอิงอาศัยกันเกิดของเหตุปัจจัยตามหลักปฏิจจสมุปบาทเมื่อไม่มีการดับเหตุปัจจัยตัวใดตัวหนึ่ง มันก็จะหมุนเวียนกันไปเป็นวงจรหรือวงเวียน เรียกว่า “วัฏฏะ 3” คือ เมื่อกิเลส ก็เป็นปัจจัยให้เกิดกรรม เมื่อเกิดกรรม (การกระทำ) ก็จะต้องมีผลของกรรม ครั้งครบหนึ่งรอบก็จะหมุนต่อไป คือ วิบาก (ผลของกรรม) ก็จะเป็นปัจจัยให้เกิดกิเลสอีก เป็นการเกิดใหม่ ในหลักพุทธธรรมที่แท้นั้นมิใช่วิญญาณล่องลอยจากร่างกายที่ตายแล้วไปเกิดในร่างใหม่ ซึ่งหมายถึงชาติใหม่ แต่วิญญาณในพุทธธรรมนั้นเป็นสิ่งที่เกิดดับได้ ซึ่งมันเป็นอนัตตา คือ วิญญาณ ก็มิใช่ตัวตนที่ถาวร หรือไม่มีตัวคนเที่ยงแท้ การเกิดใหม่จึงมิใช่วิญญาณเดิมที่ออกจากร่างเก่าแล้วไปอาศัยร่างใหม่ในชาติใหม่ แต่หมายถึง วิญญาณมีการสืบต่อจากวิญญาณดวงหนึ่งไปเป็นวิญญาณอีกดวงหนึ่ง เปรียบได้กับดวงเทียนเล่มหนึ่งมีเปลวไฟลุกอยู่ ต่อมาก็เอาเทียนอีกเล่มหนึ่งมาจุดไฟจากเทียนเล่มแรก ไฟที่ได้มาจากเล่มเก่านั้นจะ เรียกว่า เป็นไฟดวงเก่าไม่ได้ มันก็เป็นไฟดวงใหม่ แต่อาศัยไฟดวงเก่า แสงเทียนจากเล่มเก่ามาสู่เล่มใหม่ ก็เหมือนกับวิญญาณที่มีการสืบต่อจากเดิมไปสู่วิญญาณดวงใหม่ เหมือนกับพ่อแม่สร้างบุตรธิดา พ่อแม่ก็ต้องให้เลือดเนื้ออันเป็นร่างกายและให้วิญญาณอันเป็นส่วนของจิตใจจึงเป็นไปตามหลักแห่งปฏิจจสมุปบาท หรือหลักวัฏฏะ 3 คือ กิเลส กรรม วิบาก ดังนั้น การเกิด หรือการตาย (ดับ) นั้นก็อยู่กับเหตุปัจจัย เมื่อยังมีเหตุมีปัจจัยก็มีการเกิด ครั้นสิ้นเหตุปัจจัยก็ตายหรือดับไป เช่น หากสามารถดับกิเลสได้อย่างสิ้นเชิง ก็จะไม่มีกรรม เมื่อไม่มีกรรมก็ไม่มี วิบาก (คือผลของกรรม) เพราะปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งดับ ปัจจัยอื่นก็ดับ เปรียบได้กับกองไฟการที่จะเกิดเป็นกองไฟที่ลุกโซนได้ก็ต้องอาศัยปัจจัย 3 ประการ คือ (1) เชื้อเพลิง (2) ออกซิเจน และ (3) ความร้อน ถ้าปัจจัยทั้ง 3 นี้มารวมกันเมื่อใด ก็เกิดเป็นกองไฟได้ และก็จะต้องลุกไหม้ต่อไป หากปัจจัยทั้ง 3 ยังมีอยู่ ถ้าต้องการที่จะดับไฟก็ต้องกำจัดหรือตัดปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งออกไป เช่น ไม่ใส่เชื้อเพลิงเพิ่ม หรือเอาถังมาครอบกองไฟเพื่อไม่ให้มีออกซิเจน เมื่อแยกเอาปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งหรือปัจจัยทั้งสามออกจากกัน ก็จะไม่มีไฟลุกไหม้อีกต่อไป ในเรื่องการเกิดหรือการตายของชีวิตมนุษย์ก็เช่นเดียวกับกองไฟนี้ เมื่อมีการประกอบกันของส่วนประกอบสำคัญ 5 ส่วน คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ ก็จะเรียกชีวิตหรือ คน เราใช้ภาษาเป็นสื่อให้เข้าใจกันว่า “เกิด” เมื่อส่วนประกอบทั้ง 5 ส่วนเหล่านี้ประกอบกันเข้าแล้ว ก็ทำหน้าที่ควบคุมกันไปได้ระยะหนึ่งเท่านั้น ในที่สุดส่วนประกอบเหล่านั้นก็จะแยกออกจากกัน ไม่มีตัวตนเหลือให้เห็นต่อไป ซึ่งเราใช้ภาษาเป็นสื่อให้เข้าใจว่า คือ “ตาย” ดังนั้น คำตอบที่ว่าตายแล้วเกิด จึงหมายเอากระบวนการช่วงหนึ่งที่มีการสืบต่อกันไปเหมือนกับไฟที่ยังไม่สิ้นเชื้อ ก็จะลุกไหม้ต่อไป คำตอบอีกอย่างหนึ่งคือตายแล้วไม่เกิดอีก ก็หมายถึง การตัดวงจรคือตัดเหตุปัจจัยช่วงใดช่วงหนึ่งได้อย่างสิ้นเชิง ก็จะไม่มีเหตุปัจจัยที่จะสืบต่ออีกต่อไป เช่น ตัดกิเลสได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยช่วงหนึ่งเสีย กรรมก็จะไม่มี ไม่เกิดขึ้น หรืออีกนัยหนึ่ง หยุดไว้แค่ผัสสะ (การสัมผัส) ไม่ให้เวทนา (ความรู้สึก) เกิดขึ้น ก็จะไม่เกิดเหตุปัจจัย ตัวอื่น ๆ ต่อไป เมื่อตัดได้แล้วจิตก็เป็นสมาธิ เมื่อจิตสงบก็สามารถจะพิจารณาสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดปัญญา เมื่อจิตสงบจากกิเลส ตัณหา อวิชชา อุปาทานแล้วก็เข้าสู่ภาวะแห่งนิพพาน คือ ดับสนิท หมายถึง ดับเพลิงกิเลส อันเป็นกองทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิงไม่เกิดอีก เปรียบได้กับไฟที่สิ้นเชื้อ (เพลิง) แล้วก็ดับลง จึงสรุปได้ว่า การเกิดใหม่ คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงติดต่อกันไปเรื่อย ๆ แห่งปรากฏการณ์ของนามรูป การตาย คือ การยุติกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่ติดต่อกันแห่งปรากฏการณ์ของนามรูป หลักคิดบางประการเกี่ยวกับการเกิดใหม่ -->> ตามทัศนะทางพุทธศาสนานั้น หาได้มีชีวิตหลังจากการตายแล้ว หรือชีวิตก่อนการเกิดที่อิสระจากกรรมหรือการกระทำที่มีเจตนาอย่างใดไม่ กรรมเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเกิดใหม่ และอีกนัยหนึ่ง การเกิดใหม่เป็นผลสืบเนื่องมาจากกรรม การเกิดย่อมมาก่อนการตาย และในทางตรงกันข้าม การตายก็มาก่อนการเกิด ทั้งสองอย่างนี้ติดตามเชื่อมโยงซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการขาดห้วง เพราะฉะนั้น จะไม่มีดวงวิญญาณหรืออัตตาที่ถาวร หรือเอกลักษณ์ที่ตายตัวส่งผ่านต่อกันไปจากการเกิดหนหนึ่งกับการเกิดอีกหนหนึ่ง ถึงแม้ว่าคนเราจะประกอบขึ้นเป็นหน่วยหนึ่งของจิตใจกับร่างกายหรือนามกับรูป แต่จิตใจหรือนามนั้น ไม่ใช่ดวงวิญญาณหรือตัวตนอันใดอันหนึ่งตามความหมายของเอกลักษณ์ที่ถาวรหรือเป็นนิรันดร์ หรือเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ทำขึ้นสำเร็จรูปและคงทนต่อไปก็ไม่มีทั้งสิ้น แต่มันเป็นเพียงพลังอันหนึ่ง ซึ่งเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และสามารถเก็บรักษาความทรงจำต่าง ๆ ไม่แต่เพียงชีวิตนี้เท่านั้น แต่รวมถึงชีวิตในชาติก่อน ๆ ด้วย ตามแนวความคิดของนักวิทยาศาสตร์ รูปหรือสสาร ก็คือ พลังงานในภาวะการกดดัน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลง โดยไม่ได้เปลี่ยนสาระสำคัญที่เป็นจริง ตามแนวความคิดของนักจิตวิทยา จิตใจย่อมเป็นเอกลักษณ์ที่ตายตัว เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเน้นว่า สิ่งที่เรียกว่า สิ่งมีชีวิตหรือบุคคลนั้นเป็นเพียงสังเคราะห์กรรมของร่างกายกับพลังจิต หรือพลังงานซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงโดยต่อเนื่องตลอดเวลาเท่านั้น ก็หมายความว่า พระพุทธองค์ได้ทรงค้นพบความจริงมาก่อนวิทยาศาสตร์เสียอีก หรือแม้แต่จิตวิทยาสมัยใหม่ก็มีขึ้นหลังการค้นพบของพระองค์ วิลเลียม เจมส์ เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า… “สิ่งที่เป็นตัวข้าพเจ้านี้ เป็นสิริรวมของสรรพสิ่งที่เป็นจริง และเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้วโดยรูปธรรม แต่ตัวข้าพเจ้าซึ่งก็รู้จักสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นเป็นอย่างดี หาสามารถจะนับตัวเองว่ารวมอยู่กับสิ่งเหล่านั้นได้ไม่ และสำหรับในแง่ความมุ่งหมายทางด้านจิตวิทยาแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะถือว่าตัวข้าพเจ้าเป็นรูปลักษณ์ทางด้านเมตาฟิสิกส์ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับดวงวิญญาณ หรือหลักการอื่นบางอย่าง ดังเช่นเรื่องอัตตาที่บริสุทธิ์ทั้งนี้เพราะเป็นเรื่องคนละเวลากัน แท้ที่จริงแล้ว ตัวข้าพเจ้านี้ย่อมประกอบด้วยความคิดจิตใจซึ่งในขณะจิตหนึ่งย่อมจะแตกต่างไปจากดวงจิตที่ล่วงไปแล้ว แต่มีความสอดคล้องเหมาะสมกับจิตที่ล่วงไปแล้วนั้น รวมทั้งกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ดวงจิตที่ ล่วงแล้วถือว่าเป็นของตน” ฉะนั้น การดำรงอยู่ของบุคคล ก็เป็นเพียงการแปรเปลี่ยนที่สืบต่อกันตลอดเวลา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่หลงเหลือเป็นสิ่งเดียวกันอยู่เลยในชั่วขณะจิตที่ต่อเนื่องกัน กลไกของร่างกายและจิตใจนี้ ถึงแม้ว่าจะแปรเปลี่ยนไปโดยไม่หยุดนิ่ง ก็ได้เป็นตัวก่อกำเนิดกระบวนการของร่างกายและจิตใจขึ้นมาใหม่ในทุกขณะจิต ฉะนั้น จึงยังคงรักษาศักยภาพสำหรับกระบวนการของกลไกลในอนาคตไว้เสมอ และไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างขณะจิตหนึ่งกับขณะจิตต่อไปไว้เลย ชีวิตของเรานั้น เรามีชีวิตอยู่และตายอยู่ทุกขณะจิตตลอดชีวิตของเรา เป็นเพียงแต่เกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไปคล้ายกับลูกคลื่นทั้งหลายที่ซัดสาดอยู่ในท้องทะเล ฉะนั้น การเปลี่ยนแปลงของความต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งได้ติดตรึงกับเราในชีวิตนี้ หาได้หยุดลงเมื่อเราถึงแก่ความตายไม่ กระแสจิตยังคงสืบต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ดังเช่นกระแสไฟฟ้าซึ่งยังคงทำหน้าที่อยู่ต่อไป แม้ว่าหลอดไฟฟ้าจะเสียไป และไม่บังเกิดแสงสว่างก็ตาม เมื่อเราเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าดวงใหม่แทน จะมีกำลังแรงเทียนมากหรือน้อยก็ตาม ก็จะเกิดมีแสงสว่างขึ้นใหม่อีก กระแสจิตที่ไหลอยู่ตลอดเวลา ที่มีศัพท์เรียกว่า พลังแห่งกรรมบ้าง เจตนารมณ์ความกระหาย หรือความต้องการบ้าง พลังอันมีอำนาจยิ่งนี้ได้เป็นตัวทำให้มีการดำรงชีวิตอยู่ต่อไปฉะนั้น กระแสของจิตสำนึกอันต่อเนื่องนี่เอง ได้ดำเนินไปโดยไม่รู้จักจบสิ้น ตราบใดที่ความทะยานอยาก (ตัณหา) ยังเป็นตัวก่อกำเนิดอยู่ -->> มติทางพุทธศาสนากล่าวว่า ในระดับโลกิยธรรม คนเราถ้ายังมีกิเลสอยู่แล้ว ถูกพลังแห่งกิเลสนี้กระตุ้นหรือชักจูงที่เรียกว่า เจตนา หรือความตั้งใจ จึงเกิดการกระทำที่เรียกว่า กรรม หากการกระทำที่เจือด้วยกิเลสอันเป็นพลังผลักดันแล้วย่อมจะต้องเกิดผล คือ วิบากอย่างแน่นอน ทางพุทธศาสนาจึงเรียกกระบวนการนี้ว่า วัฏฏะ 3 ซึ่งอธิบายเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดอย่างย่นย่อที่สุดแล้ว นั่นคือ อธิบายวงจรของกระบวนการแห่งชีวิต 3 จังหวะที่หมุนเป็นวงกลมได้แก่ กิเลส กรรม วิบาก หากบุคคลไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิด ก็ต้องตัดกระแสอันเป็นวงจรแห่งกระบวนการเสีย ท่านจึงสอนว่า ควรจะตัดที่กิเลส คือ อวิชชา ตัณหา และอุปทานเสียเมื่อตัดได้อย่างเด็ดขาดแล้ว กรรมและวิบากก็จะไม่มี ดังพุทธพจน์ตรัสเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาทในท่อนที่แสดงการดับ (นิโรธวาร) ว่า “เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้ก็ดับ (ด้วย)” หมายความว่า เพราะอวิชชาดับไปไม่เหลือ สังขารจึงดับ ฯลฯ เพราะชาติดับชรามรณะจึงดับ (ความเศร้าโศก คร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส ความคับแค้นใจ ก็ดับไปด้วย) นี่คือหลักคำสอนเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดของพุทธศาสนา ซึ่งแสดงในระดับโลกิยธรรม ส่วนในระดับโลกุตตรธรรม มติทางพุทธศาสนามิได้ระบุตัวตน บุคคล เรา เขา หรือกล่าวถึงสิ่งนั้นสิ่งนี้แต่จะแสดงเป็นรวม ๆ ว่า ทุกสิ่งมันเป็นกระแสแห่งเหตุปัจจัยที่มันอิงอาศัยกันและกันเกิดและดับเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงติดต่อเชื่อมโยงกันไป ตราบใดเหตุปัจจัยอาศัยกันและกันเกิดดับอยู่ กระบวนการก็ดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ไม่อธิบายว่า ใครเป็นผู้มีกิเลส ใครเป็นผู้กระทำ (กรรม) หรือใครเป็นผู้รับผลของกรรม (วิบาก) แต่จะอธิบายว่า ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตายแต่จะมีก็เพียงเหตุปัจจัยที่อาศัยกันเกิด และดับสืบต่อเชื่อมโยงกันไปเรื่อย ๆ เท่านั้น..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/215779

การเขียนบรรณานุกรม

การเขียนบรรณานุกรม สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว “จันทร์ไทยบล็อก” บล็อกที่มีบทความดีๆ สาระความรู้มาฝากเพื่อนๆ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน มีเรื่องราวดีๆมาฝากเช่นเคย สำหรับบทความวันนี้เราจะมาพูดถึง “บรรณานุกรม” สำหรับคำว่า “บรรณานุกรม” ในทางสารสนเทศ หมายถึงข้อความที่ประกอบ หรือระบุหรือไว้ในส่วนท้าย หรือแนบท้ายหนังสือ รายงาน บทความวิชาการ และงานวิจัย เพื่อแสดงหลักฐาน ความน่าเชื่อถือ และเป็นแหล่งข้อมูลให้ผู้อ่านรายงาน บทความวิชาการ และงานวิจัย ได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ตรงกับคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ Bibliography ซึ่งมีความหมายอย่างเดียวกันคือ รายการสื่อสารนิเทศทั้งหมดที่ผู้เขียนได้ใช้ประกอบการเขียนหนังสือ รายงาน บทความวิชาการ และงานวิจัย เพื่อนๆหลายๆคนอาจจะสงสัยเหมือนกันว่า ระหว่างบรรณานุกรมกับการเขียนอ้างอิงนั้นแตกต่างกันอย่างไร บางคนอาจจะคิดว่ามันเหมือนกันแต่ความจริงแล้วไม่เหมือนกันค่ะ การอ้างอิง(Reference) หมายถึง การบอกแหล่งที่มาของข้อความที่ใช้อ้างอิง ในเนื้อหาที่นำมาเขียนเรียบเรียง เพราะฉะนั้น ถ้าจะอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างบรรณานุกรมกับการอ้างอิงให้เข้าใจแบบง่ายๆ ก็คือ บรรณานุกรม จะเป็นการระบุถึงรายการของความรู้ต่างๆ สิ่งพิมพ์วัสดุความรู้ ที่เป็นแหล่งที่เราศึกษาเป็นความรู้แล้วนำมาประกอบการเขียน ให้เราสามารถไปศึกษาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งนั้นได้ ส่วนการอ้างอิง จะเป็นการตัดข้อความ หรือ คำพูด มาประกอบงานเขียนเลย เช่น สมมติว่ามีคนมาคัดลอกบทความจากจันทร์ไทยบล็อกไปใช้ โดยไม่ได้แก้อะไรเลยหรือมีแค่ข้อความส่วนใดส่วนหนึ่ง เขาจะต้องอ้างอิงว่าเอามาจากไหน แต่ถ้าเขาเอาความรู้ที่ได้จากบทความต่างๆ จากจันทร์ไทยบล็อก ไปเขียนสรุปเป็นเรื่องใหม่โดยเรื่องใหม่นั้นไม่ได้มีข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งในเรื่องใหม่นี้เลย เขาจะต้องระบุเป็นบรรณานุกรมเอาไว้ให้ผู้อ่านสามารถรู้แหล่งที่มาของความรู้ให้ไปศึกษาเพิ่มเติมได้ ตัวอย่างการเขียนอ้างอิง การอ้างอิงแบบแทรกปนในเนื้อหา ซึ่งมี 2 ระบบ (ส่งศรี ดีศรีแก้ว, 2534 : 78) คือ 1.1 ระบบนาม – ปี ( Author – date) ระบบนาม – ปี เป็นระบบที่มีชื่อผู้แต่ง, ปีที่พิมพ์ และเลขหน้า ที่อ้างอิงอยู่ภายในวงเล็บ ดังตัวอย่าง (ชื่อผู้แต่ง. ปีที่พิมพ์ : เลขหน้าที่อ้างอิง) 1.2 ระบบหมายเลข (Number System) เป็นระบบที่คล้ายคลึงกับระบบนาม – ปี แต่ระบบนี้จะใช้หมายเลขแทนชื่อผู้แต่งเอกสาร อ้างอิง มีอยู่ 2 วิธี คือ 1.2.1 ให้หมายเลขตามลำดับของการอ้างอิง 1.2.2 ให้หมายเลขตามลำดับอักษรผู้แต่ง ส่วนบรรณานุกรรม ( Bibliography )นั้น หมายถึง รายการของทรัพยากรสารนิเทศที่ใช้ค้นคว้าประกอบการเขียนรายงาน และนำมาอ้างอิงไว้ท้ายเล่ม ความสําคัญของบรรณานุกรม ในการศึกษาค้นคว้าและเขียนรายงานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จำเป็นจะต้องรวบรวมบรรณานุกรมไว้ท้ายเล่มเสมอ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ 1. เพื่อแสดงว่ารายงานฉบับนั้นเป็นรายงานที่มีเหตุผล มีสาระน่าเชื่อถือได้ 2. เพื่อแสดงว่าผู้เขียนรายงานเคารพสิทธิและความคิดเห็นของผู้แต่งหนังสือที่ได้นํามาใช้ประกอบการเขียนนั้น 3. เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สนใจได้ศึกษารายละเอียด หรือข้อเท็จจริงที่นํามาประกอบการเขียนเพิ่มเติมได้อีก 4. เพื่อตรวจสอบหลักฐานดั้งเดิมที่ผู้เขียนนํามาประกอบในรายงาน การรวบรวมบรรณานุกรม มีวิธีการและข้อควรปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ 1. ทรัพยากรสารนิเทศที่นํามาจัดทําบรรณานุกรม ต้องเป็นทรัพยากรสารนิเทศที่ใช้ค้นคว้าและที่นำมาอ้างอิงในรายงานเท่านั้น 2. การเขียนบรรณานุกรมของสิ่งพิมพ์ สามารถหาข้อมูลได้จากหน้าปกใน (TitlePage) เนื่องจากมีข้อมูลที่จำเป็นสําหรับการเขียนบรรณานุกรม หากข้อมูลที่ต้องการมีไม่ครบ ให้ใช้ข้อมูลจากปกนอก หรือจากส่วนอื่นของสิ่งพิมพ์ 3. การเขียนบรรณานุกรม ให้เริ่มอักษรตัวแรกของบรรณานุกรมที่ระยะชิดขอบ หรือ***งจากขอบกระดาษด้านซ้าย 1.5 นิ้ว ถ้าข้อความบรรทัดแรกไม่จบ ให้ขึ้นบรรทัดที่ 2, 3 ใหม่ โดยเริ่มที่ระยะย่อหน้า 4. กรณีที่ใช้ทรัพยากรสารนิเทศหลายชื่อเรื่อง ของผู้แต่งคนเดียวกัน การลงรายการครั้งแรกให้ลงตามหลักเกณฑ์ ส่วนการลงบรรณานุกรมลําดับต่อไปให้ขีดเส้นตรง 1 นิ้ว แทนชื่อผู้แต่ง แล้วลงรายการ อื่น ๆ ให้สมบูรณ์ 5. หากทรัพยากรสารนิเทศใดไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง ให้ใช้ชื่อเรื่อง หรือ ชื่อบทความ เป็นรายการแรกแทนชื่อผู้แต่ง 6. หากรายการที่นํามาจัดทําบรรณานุกรมมีทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ให้เรียงภาษาไทยก่อนภาษาต่างประเทศ 7. การเรียงลําดับทรัพยากรสารนิเทศในบรรณานุกรม ให้เรียงตามลำดับอักษรตัวแรกของรายการนั้น ๆ ตามแบบพจนานุกรม โดยไม่ต้องใส่หมายเลขลําดับที่ของรายการ ต่อมาเรามาดูตัวอย่างบรรณานุกรมกันบ้าง 1. ตัวอย่าง บรรณานุกรมหนังสือภาษาไทย 2. ตัวอย่าง บรรณานุกรมภาษาอังกฤษ 3. ตัวอย่าง บรรณานุกรมวิทยานิพนธ์ 4. ตัวอย่าง บรรณานุกรมบทความจากหนังสือ 5. ตัวอย่าง บรรณานุกรมบทความจากวารสาร 6. ตัวอย่าง บรรณานุกรมคอลัมน์จากวารสาร 7. ตัวอย่าง บรรณานุกรมคอลัมน์จากหนังสือพิมพ์ 8. ตัวอย่าง บรรณานุกรมโสตทัศนวัสดุ 9. ตัวอย่าง บรรณานุกรมสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ 1. บรรณานุกรมหนังสือภาษาไทย แบบ ก ชื่อ / ชื่อสกุล. / / ชื่อเรื่อง. / / ครั้งที่พิมพ์. / / เมืองที่พิมพ์ / : / ผู้รับผิดชอบในการพิมพ์, / / / / / / / /ปีที่พิมพ์. แบบ ข ชื่อ / ชื่อสกุล. / / (ปีที่พิมพ์). / / ชื่อเรื่อง. / / ครั้งที่พิมพ์. / / เมืองที่พิมพ์/ : / ผู้รับผิดชอบ / / / / / / / ในการพิมพ์. ตัวอย่าง แบบ ก กิตติกร มีทรัพย์. จิตวิทยาการเลี้ยงดูเด็ก. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ธุรกิจการพิมพ์, 2544. แบบ ข กิติกร มีทรัพย์. (2544). จิตวิทยาการเลี้ยงดูเด็ก. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ธุรกิจการพิมพ์. 2. บรรณานุกรมหนังสือภาษาอังกฤษ แบบ ก ชื่อสกุล. / ชื่อต้น / ชื่อกลาง(ถ้ามี). / / ชื่อเรื่อง. / / ครั้งที่พิมพ์./ /เมืองที่พิมพ์/:/ผู้รับผิดชอบ / / / / / / /ในการพิมพ์./ / ปีที่พิมพ์. แบบ ข ชื่อสกุล./อักษรย่อชื่อต้น / อักษรย่อชื่อกลาง(ถ้ามี). / / (ปีที่พิมพ์). / / ชื่อเรื่อง. / / ครั้งที่พิมพ์. / / / / / / / เมืองที่พิมพ์ / : / ผู้รับผิดชอบในการพิมพ์. ตัวอย่าง แบบ ก Hartley, Eric Key. Childhood and society. 2 nd ed. New York : Mc Graw – Hill, 1989. แบบ ข Hartley, E.K. (1989). Childhood and Society. 2 nd ed. New York : MC Graw -Hill. 3.บรรณานุกรมวิทยานิพนธ์ แบบ ก ชื่อผู้เขียน. / / ชื่อเรื่อง. / / ระดับวิทยานิพนธ์. / / ชื่อเมืองที่พิมพ์ / : / ชื่อมหาวิทยาลัย, / / / / / / / / ปีที่พิมพ์. แบบ ข ชื่อผู้เขีัยน. / / (ปีที่พิมพ์). / / ชื่อเรื่อง. / / ระัดับวิทยานิพนธ์, / ชื่อสาขา / คณะ / / / / / / / / ชื่อมหาวิทยาลัย. ตัวอย่าง แบบ ก ภัคพร กอบพึ่งตน. การประเมินคุณภาพการพยาบาลผู้คลอดปกติในโรงพยาบาล นครพิงค์จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2540. แบบ ข ภัคพร กอบพึ่งตน. (2540). การประเมินคุณภาพการพยาบาลผู้คลอดปกติในโรงพยาบาล นครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชา การบริหารการพยาบาล บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 4. บรรณานุกรมบทความจากหนังสือ แบบ ก ชื่อผู้เขียน./ / “ชื่อตอนหรือบทความ” / ใน / ชื่อหนังสือ. / / หน้า / เลขหน้า. / / ชื่อบรรณาธิการ / / / / / / / (ถ้ามี)./ / เมืองที่พิมพ์ / : / ผู้รับผิดชอบในการพิมพ์, /ปีที่พิมพ์. แบบ ข ชื่อผู้เขีน. / / (ปีที่พิมพ์). / / ชื่อบทความ. / / ใน / ชื่อบรรณาธิการ (บรรณาธิการ)(ถ้ามี). / / / / / / / / / ชื่อหนังสือ. / / (หน้า / เลขหน้า). / / เมือง / : / ผู้รับผิดชอบในการพิมพ์. ตัวอย่าง แบบ ก สมจิต หนุเจริญกุล และ ประคอง อินทรสมบัติ. “การประเมินผลการพยาบาล” ใน เอกสารการสอนชุดวิชามโนมติและกระบวนการพยาบาล หน่วยที่ 8-15. หน้า 749 – 781. มยุรา กาญจนางกูร, บรรณาธิการ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2536. แบบ ข สมจิต หนุเจริญกุล และ ประคอง อินทรสมบัติ. (2536). การประเมินผลการพยาบาลใน ใน มยุรา กาญจนางกูร (บรรณาธิการ). เอกสารการสอนชุดวิชามโนมติและ กระบวนการพยาบาล หน่วยที่ 8 – 15. (หน้า 749- 781). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. 5. บรรณานุกรมบทความจากวารสาร แบบ ก ชื่อผู้เขียน. / / “ชื่อบทความ” / ชื่อวารสาร. / / ปีที่หรือเล่มที่ (ฉบับที่) / : / เลขหน้า; / / / / / / / / วัน (ถ้ามี) / เดือน / ปี. แบบ ข ชื่อผู้เขียน. / / (ปี, / วัน / เดือน). / / ชื่อบทความ. / / ชื่อวารสาร. ปีที่หรือเล่ม(ฉบับที่), / / / / / / / /เลขหน้า. ตัวอย่าง แบบ ก วิทยาคม ยาพิศาล. “การพัฒนาคุณภาพระบบงานศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ตาม แนวทางการตรวจติดตามทางวิชาการและระบบคุณภาพ” กรมวิทยาศาสตร์การ แพทย์. 46(3) : 142 – 153 : กรกฎาคม – กันยายน 2547. แบบ ข วิทยาคม ยาพิศาล. (2547,กรกฏาคม – กันยายน). การพัฒนาคุณภาพระบบงานศูนย์วิทยา- ศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ตามแนวทางการตรวจติดตามทางวิชาการและระบบคุณ ภาพ. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. 46(3), 142 – 153. 6.บรรณานุกรมคอลัมน์จากวารสาร แบบ ก ชื่อผู้เขียน. / /”ชื่อคอลัมน์ / : / ชื่อเรื่องในคอลัมน์” / ชื่อวารสาร. / / ปีที่หรือเล่มที่(ฉบับที่) / : / / / / / / /เลขหน้า ; / วัน (ถ้ามี) / เดือน / ปี. แบบ ข ชื่อผู้เขียน. / / (ปี, วัน / เดือน). / / ชื่อคอลัมน์/ : /ชื่อเรื่องในคอลัมน์. / / ชื่อวารสาร. / / ปีที่หรือ / / / / / / /เล่มที่(ฉบับที่),/เลขหน้า. ตัวอย่าง แบบ ก วิทยา นาควัชระ. “คุยกันเรื่องของชีวิต : ประโยชน์ของการท่องเที่ยว” สกุลไทย. 40(2047) : 191 – 192 ; 26 ตุลาคม 2544. แบบ ข วิทยา นาควัชระ. (2544, 26 ตุลาคม). คุยกันเรื่องของชีวิต : ประโยชน์ของการท่องเที่ยว. สกุลไทย. 40(2047), 191 – 192. 7.บรรณานุกรมคอลัมน์จากหนังสือพิมพ์ แบบ ก ชื่อผู้เขียนบทความ. / / “ชื่อคอลัมน์ / : / ชื่อเรื่องในคอลัมน์” /ชื่อหนังสือพิมพ์. / / วัน / เดือน/ / / / / / / /ปี. / / หน้า / เลขหน้า. แบบ ข ชื่อผู้เขียนบทความ. / /(ปี, / วัน / เดือน). / /ชื่อคอลัมน์/ : /ชื่อเรื่องในคอลัมน์./ / ชื่อหนังสือ / / / / / / / พิมพ์, / หน้า / เลขหน้า ตัวอย่าง แบบ ก นิติภูมิ เนาวรัตน์. “เปิดฟ้าส่องโลก : ตัวอย่างการอยู่ร่วมกัน : อียู” ไทยรัฐ. 5 มิถุนาน 2546. หน้า 2. แบบ ข นิติภูมิ เนาวรัตน์. (2546, 5 มิถุนายน). เปิดฟ้าส่องโลก : ตัวอย่างการอยู่ร่วมกัน : อียู. ไทยรัฐ, หน้า 2. 8.บรรณานุกรมโสตทัศนวัสดุ แบบ ก ชื่อผู้จัดทำ,/ หน้าที่ที่รับผิดชอบ./ / ชื่อเรื่อง. / / [ลักษณะของโสตทัศนวัสดุ]./ / ชื่อเมือง / : / / / / / / / / ผู้รับผิดชอบในการจัดทำ, / ปีที่จัดทำ. แบบ ข ชื่อผู้จัดทำ,/ หน้าที่ที่รับผิดชอบ. / / (ปีที่จัดทำ). / / ชื่อเรื่อง. / / [ลักษณะของโสตทัศนวัสดุ]./ / / / / / / / / ชื่อเมือง / : / ผู้รับผิดชอบในการจัดทำ. ตัวอย่าง แบบ ก สายหยุด นิยมวิภาต, ผู้บรรยาย. ประเด็นปัญหาการวิจัยทางการพยาบาลคลินิก. [เทปโทรทัศน์]. ขอนแก่น : คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2537. แบบ ข สายหยุด นิยมวิภาต, ผู้บรรยาย. (2537). ประเด็นปัญหาการวิจัยางการพยาบาลคลินิก. [เทปโทรทัศน์]. ขอนแก่น : คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 9.บรรณานุกรมสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ 9.1 ฐานข้อมูล ซีดี – รอม แบบ ก ผู้แต่ง. / / ชื่อเรื่อง. / / [ประเภทของสือ]. / / รายละเอียดทางการพิมพ์(ถ้ามี). / / / / / / / / / เข้าถึงได้จาก / : /แหล่งสารสนเทศ. แบบ ข ผู้แต่ง./ / (ปีที่พิมพ์ / ผลิต,/วัน / เดือน). / / ชื่อเรื่อง. / / [ประเภทของสื่อ]. / / / / / / / / / รายละเอียดทางการพิมพ์(ถ้ามี). / / เข้าถึงได้จาก / : / แหล่งสารสนเทศ. ตัวอย่าง แบบ ก นพรัตน์ เพชรพงษ์. จำนวนวันนอนในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรงพยาบาลพิจิตร. [ซีดี – รอม]. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัย เชียงใหม่, 2545. สาระสังเขปจาก : ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ไทย แผ่นที่ 3, 2547. แบบ ข นพรัตน์ เพชรพงษ์. (2545). จำนวนวันนอนในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรงพยาบาลพิจิตร. [ซีดี – รอม]. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารการ พยาบาลบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สาระสังเขปจาก : ฐานข้อมูล วิทยานิพนธ์ไทยแผ่นที่ 3, 2547. 9.2 ฐานข้อมูลออนไลน์ แบบ ก ผู้แต่ง./ / ชื่อเรื่อง./ / [ประเภทของสื่อ]. / / รายละเอียดทางการพิมพ์ (ถ้ามี). / / เข้าถึงได้จาก / : /แหล่งสารสนเทศ. / / (วันที่ค้นข้อมูล / : / วัน / เดือน / ปี). แบบ ข ผู้แต่ง. / / (ปีที่พิมพ์ / ผลิต,/ วัน / เดือน). / / ชื่อเรื่อง. / / [ประเภทของสื่อ]. / / รายละเอียด ทางการพิมพ์ (ถ้ามี). / / เข้าถึงได้จาก / : / แหล่งสารสนเทศ. / / (วันที่ค้นข้อมูล / : / วัน / เดือน /ปี). ตัวอย่าง แบบ ก พิมลพรรณ พิทยานุกูล. วิธีสืบค้นวัสดุสารสนเทศ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http : / / www.lib.buu.ac.th. (วันที่ค้นข้อมูล : 16 กันยายน 2546). เรวัติ ยศสุข. “ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนอันตราย.” ฉลาดซื้อ. [ออนไลน์]. 6(6) ; กุมภาพันธ์ – มีนาคม 2546. เข้าถึงได้จาก : http :/ /www.kalathai.com = 16. (วันที่ค้นข้อมูล : 20 มิถุนายน 2547) แบบ ก พิมลพรรณ พิทยานุกูล. วิธีสืบค้นวัสดุสารสนเทศ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http : / / / / www.lib.buu.ac.th. (วันที่ค้นข้อมูล : 16 กันยายน 2546). เรวัติ ยศสุข. (2546,กุมภาพันธ์ – มีนาคม). “ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนอันตราย.” ฉลาดซื้อ. [ออนไลน์]. 6(6) เข้าถึงได้จาก : http : / / www.kalathai.com ? article_id = 16. (วันที่ค้นข้อมูล : 20 มิถุนายน 2547). นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างการเขียนบรรณานุกรม และ การเขียนอ้างอิงจากแหล่งความรู้ต่างๆที่ได้รวบรวมมา [PDF-บรรณานุกรมแบบ APA] [PDF-การเขียนบรรณานุกรมแบบ APA] [PDF-การเขียนบรรณานุกรมระบบ APA] [PDF-การเขียนรายการอ้างอิงและบรรณานุกรมบทความวิชาการและบทความวิจัย] [PDF-การอ้างอิงจากบทความหรือหนังสือ]

กระบวนการทำงาน

เป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวางและแพร่หลายถึงวงจรคุณภาพ คือ วงจร P D C A เป็นวงจรพัฒนาคุณภาพงาน โดยเป็นวงจรพัฒนาพื้นฐาน หลักของการพัฒนาคุณภาพทั้งระบบ (Total Qaulity Management : TQM) ผู้ที่คิดค้นกระบวนการหรือวงจรพัฒนาคุณภาพ PDCA คือ shewhart นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันแต่ Deming ได้นำไปเผยแพร่ที่ประเทศญี่ปุ่นจนประสบผลสำเร็จ จนผลักดันให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก คนทั่วไปจึงรู้จักวงจร PDCA จากการเผยแพร่ของ Deming จึงเรียกว่า "วงจร Deming" หรือ วงจร PDCA ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนแบบอธิบายสั้นๆ ดังต่อไปนี้

เครื่องเล่นที่น่ากลัวที่สุด ดรีมเวิลด์

"สวนสนุก" แน่นอนว่าเข้าไปแล้วคุณจะมีความสุขและเฮฮาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ก็ตาม เพราะเครื่องเล่นภายในสวนสนุกนั้นรอให้บริการความมันส์ให้คุณอยู่แล้ว ซึ่งล่าสุดบนโลกออกไลน์ได้มีผู้มาตั้งกระทู้บนเว็บไซต์พันทิปใช้ชื่อ "สมาชิกหมายเลข 1644509" ถึงการจัดอันดับเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวในเมืองไทย ว่าแต่จะมีเครื่องเล่นตัวไหน และอยู่สวนสนุกไหนบ้างนั้นไปชมกันเลย!!! Sponsored Ad อันดับที่ 10 หนูลมกรด (ดรีมเวิลด์) ความน่ากลัวของมันก็คือ รางมันดูเล็กๆ เก่าๆ แล้วขบวนรถก็อ้วนๆ พอมันเริ่มวิ่ง ก็ทำให้เรากลัวว่ารางจะรับน้ำหนักไม่ไหว จนทั้งเราทั้งขบวนรถ จะกระเด็นหลุดออกจากราง ไปนอนอยู่ที่พื้น หรือไม่ก็ท้องนาข้างๆ นั่นเอง 1-2-Fly (บรุ๊คไซด์ วัลเล่ย์ ระยอง) เป็นการโหนสลิงยาว 200 เมตร แบบไป-กลับ ข้ามทะเลสาบท่ามกลางรีสอร์ทสุดสวยกลางหุบเขาที่ระยอง ได้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกที่เหินลม แบบนั้นเลยทีเดียวเชียวล่ะ เสียงล้อเหล็กเสียดสีกับสายสลิง ก็ทำให้หวาดเสียวได้ไม่น้อเลยจ้า!! อันดับที่ 9 Grand Canyon Express (สวนสยาม) แม้ว่ารางจะดูดีกว่า หนูลมกรด ฐานเสาก็ดูมั่นคงแข็งแรงดี แต่สุดท้ายรางก็ยังเล็ก ที่สำคัญอยู่บนเสาที่สูงด้วย ไม่ได้อยู่ใกล้พื้นแบบหนูลมกรด แถมไม่ได้วิ่งแค่เอื่อย ๆ แล้วพอเวลาเข้าโค้ง ก็สุดลุ้น กลัวจะหลุดจากราง แล้วพาเราลงมากระแทกพื้นดินข้างล่าง เพราะความสูงกะด้วยสายตานั้นสู่งไม่น้อยกว่า 5 เมตร บางช่วง 8-10 เมตร คือถ้าหากหลุดออกมาล่ะก็ บอกได้ว่ารอดยาก อันดับที่ 8 Black Hole Coaster (ดรีมเวิลด์) ความน่ากลัวอยู่ที่ อวกาศมืดมาก แทบจะมองไม่เห็น ดวงดาวหรือแสงอะไรเลย เหมือนว่าเราถูกจับเหวี่ยงไปในความมืด ซึ่งเราจะไม่มีทางรู้เลยว่า เราจะไปทางไหน ยังไง เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ขึ้น หรือลง แล้วเราอาจจะวิ่งไปชนอะไร หรือใครเอาสลิงมาขึงไว้ เพื่อตัดคอเราหรือเปล่ามันก็เลยลุ้นๆ Super Splash (ดรีมเวิลด์) ซึ่งมีความหวาดเสียวแบบชุ่มฉ่ำ แต่ก็แค่จังหวะเดียวแบบทิ้งดิ่ง จบแล้ว จบกันไป อันดับที่ 7 Twin Dragon (สวนสยาม) เจ้าเรือมังกรสองหัว ที่เป็นเหมือนเปลขนาดยักษ์ ซึ่งจะพาเราไปหวิวๆ ทั้งเวลาขึ้นและลง อันดับที่ 6 Log Flume (สวนสยาม) เครื่องเล่นนี้จะเรียกล่องซุง ซึ่งมาแบบชุ่มฉ่ำเหมือน Super Splash แต่ความสนุกคือ มีหลายจังหวะมากกว่า มีทั้งแบบเอาหน้าลงและถอยหลังลง เหมือนเป็นการอุ่นเครื่อง แล้วที่สนุกสุดๆ ก็คงตอนที่มันเข้าไปในปากเสือแล้วเป็นอุโมงค์มืดๆ จากนั้นก็มีแสงสว่างที่ทางออกที่ปากสิงโต แล้วเราก็ดิ่งลงไปปะทะกับน้ำด้านล่างจนชุ่มฉ่ำ เปียกไปทั้งตัว! อันดับที่ 5 Sky Coaster (ดรีมเวิลด์) สไตล์แบบรถไฟเหาะห้อยขา เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ไม่ค่อยมีทางดิ่ง ไม่มีตีลังกา แต่เวลาเข้าโค้งนี้สิสะใจใช้ได้ เป็นอีกเครื่องเล่นที่คุณไม่ควรพลาดเลยล่ะ อันดับที่ 4 Viking (ดรีมเวิลด์) แบบเดียวกับ Twin Dragon ของสวนสยาม แต่เรือลำใหญ่กว่า ทำให้เสาและจุดเหวี่ยงมันสูงกว่าและที่สำคัญเขาเหวี่ยงได้สุดตีนจริง ๆ เรียกว่าเรือน่าจะตั้งฉาก 90 องศากับพื้นเลยก็ว่าได้ แนะนำคนที่ไม่เคยเล่นว่า อย่าก้มหน้า ไม่งั้นอาจจะคลื่นไส้ เวียนหัวถึงขั้นอ้วกกลางอากาศได้!! อันดับที่ 3 Giant Drop (สวนสยาม) ชื่อไทยคือยักษ์ตกตึก ซึ่งเขาจะจับเราล๊อคแขน แต่ปล่อยขา พาขึ้นไปยังความสูง 75 เมตร จากนั้นปล่อยเรากินลม ชมวิวเพลินๆ บนนั้น โดยไม่มีสัญญาณเตือนทันใดนั้นก็ปล่อยเราลงมาสู่พื้นด้วยแรงภายในไม่ถึง 3 วินาที ซึ่งเป็น 3 วินาที ที่คุณจะรู้สึกยิ่งกว่าขับรถเหินลงสะพานเสียอีก เรียกว่าไม่ทันได้กรี๊ดว่างั้นเหอะ หวิวท้องมากๆ พอลงมาขานิสั่นเลย!! อันดับที่ 2 Vortex (สวนสยาม) รถไฟเหาะห้อยขา เปิดตัวด้วยเสียงดังแอดๆ เหมือนเป็นสัญญาณเตือนภัย แล้วก็พาเราไปจุดสูงสุดแล้วก็ปล่อยดิ่งลงมา จากนั้นก็แล้วแต่รางสีส้มมันจะพาท่านไป ทั้งใส่เกลียว ตีลังกาขาชี้ฟ้า เหวี่ยงซ้าย เหวี่ยงขวา อันดับที่ 1 X-Max (กรีนเนอรี่ เขาใหญ่) ความรู้สึกคือ เหมือนเขายิงหนังสติ๊ก แล้วคุณที่อยู่ในกรงเหล็กกลม ๆ นั่นล่ะ เป็นก้อนหินที่ถูกยิงออกไป ตอนกำลังจะยิง แต่แว้บเดียว วินาทีที่โดนยิงออกไปนั้น เห็นแต่ท้องฟ้า สลับกับพื้นดิน ต้นไม้ด้านล่าง หมุนไปหมุนมา เหมือนโดนจับกลิ้ง กลางอากาศ หวาดเสียวสุดๆ จนต้องกรี๊ด !!! เป็นไงบ้างค่ะเพื่อนๆ เครื่องเล่นทั้ง 10 อันดับนี้ น่ากลัวและน่าหวาดเสียวสุดๆเลยใช่ไหมละ ถ้าใครเคยลองเล่นแล้ว ก็คงจะรู้ว่าน่ากลัวขนาดไหนจริงไหมค่ะ แต่สวนสนุกอย่างแฮปปี้แลนด์ หรือวันเดอร์ เวิลด์ ก็ได้ปิดตัวลงไปแล้ว...น่าเสียดายสำหรับใครที่ยังไม่เคยไปลอง

ทหารพราน

รับสมัครวันพุธที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๐ เวลา ๐๘.๐๐ น ณ ค่ายเทวาพิทักษ์ ๑.คุณสมบัติของผู้สมัคร ๑.๑ คุณสมบัติทั่วไป ๑.๑.๑ บิดา - มารดา มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด ๑.๑.๒ เป็นผู้ที่ไม่เคยต้องโทษจำคุกในคดีใดๆ ( เว้นคดีลหุโทษหรือคดีที่กระทำผิดโดยประมาท ) ๑.๑.๓ มีร่างกายแข็งแรง สามารถตรากตรำต่อการปฏิบัติหน้าที่ในสนามได้ ๑.๑.๔ วุฒิการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น หรือเทียบเท่าขึ้นไป ๑.๑.๕ ไม่มีรอยสักที่มองเห็นนอกร่มผ้า ( เมื่อแต่งกายชุดกีฬา ด้วยเสื้อและกางเกงขาสั้น ) ๑.๑.๖ ไม่เคยเป็นอาสาสมัครทหารพรานนาวิกโยธินมาก่อน (ยกเว้นผู้ลาออกไปรับราชการทหารกองประจำการ) ๑.๑.๗ ต้องเป็นบุคคลซึ่งสามารถโอนย้ายทะเบียนบ้าน เข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านของหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธินได้ ๑.๑.๘ ต้องไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ และไม่ติดยาหรือสารเสพติด ๑.๑.๙ ได้รับความยินยอมจากบิดามารดา หรือผู้ปกครอง เมื่อได้รับการคัดเลือก ๑.๑.๑๐ ว่ายน้ำเป็น ๑.๒ คุณสมบัติเฉพาะเพศชาย ๑.๒.๑ มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน ๓๐ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันรับสมัคร (เกิดตั้งแต่ ๑ ม.ค.๓๐ - ๓๑ ม.ค.๔๒) ๑.๒.๒ มีส่วนสูงไม่ต่ำกว่า ๑๖๐ เซนติเมตร และน้ำหนัก ๔๕ กิโลกรัม ขึ้นไป ๑.๓ คุณสมบัติเฉพาะเพศหญิง ๑.๓.๑ เป็นโสด มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน ๒๕ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันรับสมัคร (เกิดตั้งแต่ ๑ ม.ค.๓๕ - ๓๑ ธ.ค.๔๒)

เครื่องเล่นที่เสียวที่สุด

10 อันดับเครื่องเล่นหวาดเสียวในเมืองไทย จัดอันดับโดยผมเอง กระทู้สนทนา สวนสนุกเที่ยวไทย เพิ่มเติม ผมได้ไปใช้โปรวันธรรมดาน่าเที่ยวของสวนสยามมา (500 บาท) จึงขอจัดอันดับเพิ่มเติมในเครื่องเล่นบางตัวเข้าไปนะครับ นั่นคือ Ranger และ Boomerang เมืองไทย มีสวนสนุก ไม่มาก ไม่น้อย ผมเอง ถึงจะเป็นวัยทำงานแล้ว (แก่แล้ว) แต่ก็อดไม่ได้ ที่จะอยากสนุก อยากหวาดเสียวแบบตอนเด็ก ๆ ก็เลยมานั่ง จัดอันดับ 10 เครื่องเล่นหวาดเสียว ที่เขาว่ามัน x-treme เท่าที่ผมเคยเล่น และปัจจุบันก็ยังมีให้เล่นอยู่ ไม่ใช่แบบในตำนาน กระทู้นี้ผมเลือกมาเฉพาะใน เมืองไทยนะครับ เผื่อใครอยากไปเก็บความทรงจำที่แสนจะหวาดเสียวเอาไว้ จะได้ไปกันบ้าง ไปย้อนความจำวัยเด็กกัน อยู่ในเมืองไทยนี่เอง ปล.ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเครื่องเล่นแนวที่มันหมุนวนไปวนมา เพราะเป็นคน เมาเรือ เมารถง่าย ดังนั้นที่ไม่มี ไม่ใช่ไม่หวาดเสียวนะครับ แต่ผมไม่ได้เล่น เช่นเคยลอง Condor ของสวนสยาม ขึ้นแล้วเมา เวียนหัวมาก เลยไม่เอามา จัดอันดับ เพราะไม่รู้สึกหวาดเสียว แต่เป็นเวียนหัว คลื่นไส้มากกว่า แต่ยังไง คราวหน้าถ้าได้ลองเมื่อไร (สวนสยามมีแนวนี้เยอะมาก) ก็จะมาจัดอันดับกัน อีกครั้งแน่นอนครับ * ขอบคุณภาพประกอบจากหลาย ๆ ที่ครับ รูปสวยทั้งนั้นเลย ที่เอามาประกอบกระทู้นี้

ความคิดสร้างสรรค์

ความคิดสร้างสรรค์(Creative Thinking) ความคิดสร้างสรรค์ คือ กระบวนการคิดของสมองซึ่งมีความสามารถในการคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่จากเดิม โดยสามารถนำไปประยุกต์ทฤษฎี หรือหลักการได้อย่างรอบคอบและมีความถูกต้อง จนนำไปสู่การคิดค้นและสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่หรือรูปแบบความคิดใหม่ นอกจากลักษณะการคิดสร้างสรรค์ดังกล่าวนี้แล้ว ยังมีสามารถมองความคิดสร้างสรรค์ในหลาย ซึ่งอาจจะมองในแง่ที่เป็นกระบวนการคิดมากกว่าเนื้อหาการคิด โดยที่สามารถใช้ลักษณะการคิดสร้างสรรค์ในมิติที่กว้างขึ้น เช่นการมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ด้วย อย่างเช่น การทดลองทางวิทยาศาสตร์ หรือการเล่นกีฬาที่ต้องสร้างสรรค์รูปแบบเกมให้หลากหลายไม่ซ้ำแบบเดิม เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู่รู้ทัน เป็นต้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นลักษณะการคิดสร้างสรรค์ในเชิงวิชาการ แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะการคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ที่กล่าวนั้นต่างก็อยู่บนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์ โดยที่บุคคลสามารถเชื่อมโยงนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี ซึ่งหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดมาตรฐานตัวชี้วัดด้านความคิดสร้างสรรค์ไว้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีไว้หลายประการ ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ ควรจะประกอบไปด้วย 3 ประการ คือ 1. สิ่งใหม่ (new, original) เป็นการคิดที่แหวกวงล้อมความคิดที่มีอยู่เดิม ที่ไม่เคยมีใครคิดได้มาก่อน ไม่ได้ลอกเลียนแบบใคร แม้กระทั่งความคิดเดิมๆ ของตนเอง 2.ใช้การได้ (workable) เป็นความคิดที่เกิดจากการสร้างสรรค์ที่ลึกซึ้ง และสูงเกินกว่าการใช้เพียง "จินตนาการเพ้อฝัน" คือ สามารถนำมาพัฒนาให้เป็นจริง และใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม และสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ ของการคิดได้เป็นอย่างดี 3. มีความเหมาะสม เป็นความคิดที่สะท้อนความมีเหตุมีผล ที่เหมาะสม และมีคุณค่า ภายใต้มาตรฐานที่ยอมรับกันโดยทั่วไป การที่คนเราจะมีความคิดสร้างสรรค์ ได้ตามลักษณะที่กล่าวมานั้น ขึ้นอยู่กับศักยภาพการทำงาน และการพัฒนาของสมอง ซึ่งสมองของคนเรามี 2 ซีก มีการทำงานที่แตกต่างกัน สมองซีกซ้าย ทำหน้าที่ในส่วนของการตัดสินใจ การใช้เหตุผล สมองซีกขวา ทำหน้าที่ในส่วนของการสร้างสรรค์ แม้สมองจะทำงานต่างกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สมองทั้งสองซีก จะทำงานเชื่อมโยงไปพร้อมกัน ในแทบทุกกิจกรรมทางการคิด โดยการคิดสลับกันไปมา อย่างเช่น การอ่านหนังสือ สมองซีกซ้ายจะทำความเข้าใจ โครงสร้างประโยค และไวยากรณ์ ขณะเดียวกัน สมองซีกขวาก็จะทำความเข้าใจ เกี่ยวกับลีลาการดำเนินเรื่อง อารมณ์ที่ซ่อนอยู่ในข้อเขียน ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาสมองทั้งสองซีกไปพร้อมๆ กัน ไม่สามารถแยกพัฒนาในแต่ละด้านได้ การค้นพบหน้าที่แตกต่างกันของสมองทั้งสองส่วน ช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากได้มากขึ้น ในการพัฒนาสมองของผู้เรียน ให้ใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพ ผ่านการจัดการเรียนการสอนนั้น ควรจัดอย่างสมดุล ให้มีการพัฒนาสมองทั้งสองซีกไปด้วยกัน ในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสมดุลในการคิด และคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เอนเอียงไปใน หลักการเหตุผล มากเสียจนติดอยู่ในกรอบ ของความคิดแบบเดิม และไม่ใช่การคิดด้วยการใช้จินตนาการเพ้อฝันมากเกินไป จนไม่มีความสัมพันธ์กัน ระหว่างความฝัน กับความสมเหตุสมผล ซึ่งจะทำให้ไม่สมารถนำมาปฏิบัติให้เป็นจริงได้ ฉะนั้น จะเห็นได้ว่า การคิดสร้างสรรค์ จึงพึ่งพาทั้งสมองซีกซ้าย และขวาควบคู่กันไป ลักษณะความคิดสร้างสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์เป็นลักษณะความคิดแบบอเนกนัย(Divergent Thinking)คือการคิดหลายๆแง่หลายๆทาง คิดให้มากที่สุดเท่าที่จะนึกได้ เป็นการมองปัญหาในแนวกว้างเหมือนกับแสงอาทิตย์ที่แผ่รัศมีออกรอบด้าน คนที่มีความคิดสร้างสรรค์นั้นจะเป็น คนที่มี 1. ความคิดริเริ่ม(Originality) คือมีความคิดที่แปลกใหม่ต่างจากความคิดธรรมดาของคนทั่วๆไป 2. มีความคิดยืดหยุ่น(Flexibility) คือมีความสามารถในการคิดหาคำตอบได้หลายทิศทางหลายแง่หลายมุม 3. มีความคิดคล่องแคล่ว(Fluency) คือสามารถคิดหาคำตอบได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว รวดเร็ว และได้คำตอบมากที่สุดในเวลาที่จำกัด 4. มีความคิดละเอียดลออ(Elaboration) คือการคิดได้ในรายละเอียดเพื่อขยายหรือตกแต่งความคิดหลักให้ได้ความหมายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น กระบวนการคิดสร้างสรรค์(Creative process) กระบวนการคิดสร้างสรรค์คือ วิธีคิดหรือกระบวนการทำงานของสมองที่มีขั้นตอนต่างๆในการคิดแก้ปัญหาจนสำเร็จ ซึ่งมีหลายแนวคิดเช่น Wallas ได้เสนอว่ากระบวนการของความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการคิดสิ่งใหม่ๆโดยการลองผิดลองถูก ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ 1. ขั้นเตรียมการ คือการข้อมูลหรือระบุปัญหา 2. ขั้นความคิดกำลังฟักตัว คือการอยู่ในความสับสนวุ่นวายของข้อมูลที่ได้มา 3. ขั้นความคิดกระจ่างชัด คือขั้นที่ความคิดสับสนได้รับการเรียบเรียงและเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้เห็นภาพรวมของความคิด 4. ขั้นทดสอบความคิดและพิสูจน์ให้เห็นจริง คือขั้นที่รับความคิดเห็นจากสามขั้นแรกข้างต้นมาพิสูจน์ว่าจริงหรือถูกต้องหรือไม่ Hutchinson มีความคิดคล้ายๆกันว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นกระบวนการเชื่อมโยงความรู้ที่มีอยู่เข้าด้วยกัน อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาใหม่ที่คิดใช้เวลาการคิดเพียงสั้นๆอย่างรวดเร็วหรือยาวนานก็อาจเป็นไปได้ โดยมีลำดับการคิดดังนี้ 1. ขั้นเตรียมเป็นการรวบรวมประสบการณ์ มีการลองผิดลองถูกและตั้งสมมุติฐานเพื่อแก้ปัญหา 2. ขั้นครุ่นคิดขัดข้องใจ เป็นระยะที่มีอารมณ์เครียด อันสืบเนื่องจากการครุ่นคิด แต่ยังคิดไม่ออก 3. ขั้นของการเกิดความคิด เป็นระยะที่เกิดความคิดในสมอง เป็นการมองเห็นวิธีแก้ปัญหาหรือพบคำตอบ 4. ขั้นพิสูจน์ เป็นระยะการตรวจสอบประเมินผลโดยใช้เกณฑ์ต่างๆเพื่อดูคำตอบที่คิดออกมานั้นเป็นจริงหรือไม่ Roger von Oech เจ้าของบริษัทความคิดสร้างสรรค์ในอเมริกาได้กล่าวถึงกระบวนการคิดสร้างสรรค์ โดยแยกความคิดออกเป็น 2 ประเภทคือความคิดอ่อนและความคิดแข็ง ความคิดอ่อน ความคิดแข็ง อุปมาอุปมัย หลักการ ความฝัน เหตุผล ความขำขัน ความแม่นยำ ความคลุมเครือ ความสม่ำเสมอ การเล่น การทำงาน การประมาณการ ความพอดิบพอดี ความใฝ่ฝัน ความเป็นจริง ความขัดแย้ง ตรงไปตรงมา การสังหรณ์ใจ การวิเคราะห์ โดยทั่วไป อย่างเฉพาะเจาะจง อย่างเด็ก อย่างผู้ใหญ่ ความคิดแข็งนั้นจะมีคำตอบที่ถูกหรือผิดอย่างแน่นอน แต่ความคิดอ่อนนั้นอาจมีคำตอบที่ถูกหลายอย่าง ซึ่งฟอนโอชได้กล่าวถึงกระบวนการคิดสร้างสรรค์ไว้ว่าประกอบด้วย 2 ขั้นตอนคือ กระบวนการเพาะตัวและกระบวนการปฏิบัติการ โดยกระบวนการเพาะตัวเป็นการสร้างความคิดใหม่ ในขณะที่กระบวนการปฏิบัติการเป็นการใช้ความคิดที่คิดขึ้นมาไปปฏิบัติงานจริง ความคิดอย่างอ่อนเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับกระบวนการเพาะตัว ซึ่งเป็นระยะที่กำลังมองหาความคิดใหม่ๆ เป็นการมองที่กว้างๆเพื่อหาวิธีการต่างๆมาใช้เพื่อการแก้ปัญหา ส่วนความคิดอย่างแข็งนั้นมักใช้ในช่วงการปฏิบัติงานจริงๆ เมื่อต้องการประเมินความคิดและขจัดสิ่งต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงในการแก้ปัญหาออกไป ตรวจดูผลดีผลเสียและความเสี่ยงรวมทั้งการเตรียมที่จะเปลี่ยนความคิดให้เป็นการกระทำด้วย ประโยชน์ของความคิดสร้างสรรค์ · ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดแนวทางใหม่ๆในการดำเนินชีวิตและหนทาง ใหม่ๆในการแก้ปัญหาชีวิตและการทำงาน · ก่อให้เกิดความสนุก เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่ต้องค้นหาวิธีการคิดใหม่ๆขึ้นมาทดแทน ความคิดเก่าๆสำหรับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การที่มนุษย์ต้องคิดอะไรใหม่ๆอยู่เสมอย่อมเป็นเรื่องสนุกเพราะทำให้ชีวิตไม่จำเจ · พัฒนาสมองของคนให้มีความฉลาดเฉียบคม การฝึกการคิดหรือพยายามคิดเรื่องที่ แปลกๆใหม่ๆเป็นประจำ จะทำให้เกิดความเฉียบแหลมในการคิดแก้ปัญหาต่างๆเพิ่มขึ้น · สร้างความเชื่อมั่น ความน่านับถือและความพอใจในตัวเองขึ้นมา เมื่อใดก็ตามที่เรา พัฒนาขีดความสามารถในการคิดสร้างสรรค์จนสามารถเผชิญหน้าและแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างราบรื่น ก็จะกลายเป็นผู้นำทางด้านความคิดและเกิดความภูมิใจในตนเอง นอกจากนี้ความคิดสร้างสรรค์ยังช่วยยกระดับความสามารถ ความอดทนและความคิดริเริ่มของผู้นำให้เพิ่มมากขึ้นและยังเป็นการพัฒนาความสนใจในงาน พัฒนาการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และพัฒนาชีวิตให้ทันสมัยมากขึ้น อุปสรรคของความคิดสร้างสรรค์ อุปสรรคของความคิดสร้างสรรค์นั้นสามารถแยกได้เป็น 2 ประเภทคือ อุปสรรคภายนอกและอุปสรรคภายใน อุปสรรคภายนอกจะหมายถึง ข้อจำกัดอันเกิดจากขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมและกฏเกณฑ์ของสังคมหรือสภาพแวดล้อมภายนอก ส่วนอุปสรรคภายในนั้นจะหมายถึง นิสัยใจคอ ท่าทีและทัศนคติของคนแต่ละคน อุปสรรคภายนอกจะเกิดขึ้นในลักษณะเช่น ธรรมเนียมที่ไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้ ซักถามตามความอยากรู้อยากเห็น ธรรมเนียมของการชอบคิดตามอย่างกันซึ่งถ้าคิดแปลกจากคนอื่นจะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ธรรมเนียมที่เน้นบทบาทความแตกต่างระหว่างเพศอย่างชัดเจนในเรื่องหน้าที่ของหญิงและชาย วัฒนธรรมสังคมให้ค่านิยมกับความสำเร็จและไม่ยอมรับความล้มเหลวทำให้คนไม่กล้าทดลองทำสิ่งใหม่ๆ การเน้นระเบียบ และกฎเกณฑ์มากเกินไปถ้าเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็ถือเป็นความผิดซึ่งขาดความยืดหยุ่นทำให้ไม่กล้าแสดงความคิดสร้างสรรค์ออกมา อุปสรรคภายในที่เกิดขึ้นจากตัวเราเองก็ได้แก่ ความกลัวที่จะถูกตำหนิติเตียนและหาว่าแปลก ความเคยชินการคิดแบบเดิมที่เคยทำอยู่เป็นประจำ การมีอคติหรือมีทัศนะที่คับแคบว่าคำตอบที่ถูกต้องมีเพียงคำตอบเดียว ความเฉื่อยชาและอืดอาดในการเริ่มคิดเริ่มทำทำให้ขาดแรงกระตุ้นที่จะทำสิ่งใหม่ๆ สรุปว่าถ้าเราต้องการจะพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของเราให้เกิดมากขึ้นก็ต้องพยายามกำจัดอุปสรรคทั้งภายนอกและภายในทิ้งไปให้ได้มากที่สุด การพัฒนาและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ในสมัยก่อนเราเชื่อกันว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวคนบางคนมาตั้งแต่เกิด แต่พอมาถึงปัจจุบันที่เป็นยุคแห่งวิทยาการทำให้ความเชื่อดั้งเดิมที่มีเคยมีมาปรับเปลี่ยนไป เพราะนักจิตวิทยาส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็น ความสามารถที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เกิด เพียงแต่มีการแสดงออกหรือมีพัฒนาการมากน้อยต่างกันไป และยังสามารถพัฒนาเพิ่มให้มีมากขึ้นด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์นั้นอาจทำได้ทั้งทางตรงโดยการสอนและฝึกอบรม และทางอ้อมก็สามารถทำได้ด้วยการจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความเป็นอิสระในการเรียนรู้อย่างเช่น · การส่งเสริมให้ใช้จิตนาการตนเอง · ส่งเสริมและกระตุ้นการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง · ยอมรับความสามารถและคุณค่าของคนอย่างไม่มีเงื่อนไข · แสดงให้เห็นว่าความคิดของทุกคนมีคุณค่า และนำไปใช้ประโยชน์ได้ · ให้ความเข้าใจ เห็นใจและความรู้สึกของคนอื่น · อย่าพยายามกำหนดให้ทุกคนคิดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน · ควรสนับสนุนผู้คิดค้นผลงานแปลกใหม่ได้มีโอกาสนำเสนอ · เอาใจใส่ความคิดแปลกๆของคนด้วยใจเป็นกลาง · ระลึกเสมอว่าการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ต้องค่อยเป็นค่อยไปและใช้เวลา เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์นั้นมีเทคนิคที่ใช้กันอยู่หลายวิธีการด้วยกันอันได้แก่ · การระดมสมอง(Brainstorming) เป็นเทคนิคเพื่อรวบรวมทางเลือกและการแก้ปัญหา โดยให้โอกาสในการคิดอย่างอิสระที่สุดและไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆระหว่างการคิด เพราะการวิพากษ์วิจารณ์จะเป็นการขัดขวางความคิดสร้างสรรค์ · การปลูกฝังความกล้าที่จะทำสิ่งสร้างสรรค์ เป็นเทคนิคที่ใช้การตั้งคำถามง่ายๆเพื่อให้ ให้คิดโดยจัดให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นที่ยอมรับของผู้อื่น เมื่อฝึกฝนมากเข้าก็จะช่วยในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้มีมากขึ้น · การสร้างความคิดใหม่ เป็นอีกเทคนิคหนึ่งโดยใช้การแจกแจงวิธีการในการแก้ปัญหา ใดปัญหาหนึ่งมาให้ได้ 10 วิธีการ จากนั้นก็แบ่ง 10 วิธีการที่ได้ออกเป็นวิธีการย่อยๆลงไปอีก เพื่อให้ได้ทางเลือกหรือคำตอบที่ดีที่สุด · การตรวจสอบความคิด เป็นเทคนิคที่ใช้การค้นหาความคิดหรือแนวทางที่ใช้ในการ แก้ปัญหาต่างๆ โดยการตรวจสอบความคิดของผู้ที่เคยทำไว้แล้ว การคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ กิลฟอร์ด ได้กล่าวถึงบุคลิกภาพของคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ว่า จะต้องมีความฉับไวที่รู้ปัญหาและมองเห็นปัญหา มีความว่องไวและสามารถจะเปลี่ยนความคิดใหม่ๆได้ง่าย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแก้ปัญหาเป้นกิจกรรมที่สำคัญยิ่งของชีวิตที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วงจึงจะทำให้ชีวิตสามารถดำเนินไปได้อย่างมีความสุข ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยปกติคนเราทั่วไปมักเลือกวิธีการที่จะเลี่ยงปัญหามากกว่าการเผชิญปัญหา ซึ่งถ้าคนเรารู้จักที่จะเรียนรู้การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ก็จะมีชีวิตที่สนุกสนานร่าเริงและความสุขมากยิ่งขึ้น การคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์นั้นประกอบไปด้วยกระบวนการคิด 4 ขั้นตอนคือ · การค้นหาความหมายของปัญหา ขันตอนนี้จะมีความสำคัญมาก เพราะถ้าเรารู้ว่าอะไร คือปัญหาที่แท้จริง ก็สามารถหาหนทางในการแก้ได้ตรงมากขึ้น อีกทั้งทำให้เกิดความมั่นใจมองเห็นปัญหาได้ทะลุปรุโปร่ง อันจะทำให้ได้คำตอบที่ชัดเจนและเป็นการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ด้วย · การเปิดใจกว้างเพื่อนำไปสู่วิธีการแก้ไขปัญหา นักคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์จะทำ การคัดเลือกความคิดเห็นและข้อมูลต่างๆไว้เป็นจำนวนมากก่อนที่จะพิสูจน์แยกแยะให้ได้ความคิดเห็นที่ดีที่สุด ดังนั้นคนเราจึงต้องแสวงหาและเปิดประตูสู่ความคิดไมว่าจะเป็นจากการอ่าน การสังเกตและการทำงานร่วมกัน · การพิสูจน์แยกแยะให้ได้ความคิดเห็นที่ดีที่สุด การคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์นั้น มักต้องใช้วิธีแก้ปัญหาหรือคำตอบที่ดีกว่าหรือมากกว่าวิธีการแก้ปัญหาหรือคำตอบที่ได้มาครั้งแรกเพียงอย่างเดียว เพราะความคิดเห็นและข้อมูลที่สำคัญๆนั้นมีอยู่อย่างมากมาย จึงจำเป็นที่จะต้องพยายามให้ได้มาซึ่งความคิดเห็นที่ดีที่สุดโดยการแยกแยะและคัดเลือกออกมาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ดีที่สุด · การเปลี่ยนความคิดเห็นให้เป็นการกระทำ จุดมุ่งหมายสำคัญของการแก้ปัญหาก็คือ การเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นไปสู่การปฏิบัติจริง คนส่วนใหญ่มีความคิดสร้างสรรค์แต่ไม่เคยนำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งกระบวนการคิดสร้างสรรค์นั้นไม่ได้จบลงแค่คิดในใจ การเปลี่ยนความคิดไปสู่การปฏิบัตินั้นต้องเอาชนะอุปสรรคหลายอย่าง เช่นความไม่มั่นใจในตัวเอง ความขลาดกลัว และต้องมีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวในความเพียรไม่ว่าจะใช้เวลานานสักเท่าใด ก็จะไม่แปรเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ที่ได้เพาะตัวเป็นรูปร่างและติดตามจนกระทั่งเกิดความสมบูรณ์ในทางปฏิบัติ การสอนของครูเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ในการสอนของครูเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ควรจัดการเรียนการสอนที่ใช้วิธีการที่เหมาะสม ดังนี้ 1. การสอน (Paradox) หมายถึง การสอนเกี่ยวกับการคิดเห็นในลักษณะความคิดเห็นที่ขัดแย้งในตัวมันเอง ความคิดเห็นซึ่งค้านกับสามัญสำนึก ความจริงที่สามารถเชื่อถือหรืออธิบายได้ ความเห็นหรือความเชื่อที่ฝังใจมานาน ซึ่งการคิดในลักษณะดังกล่าว นอกจากจะเป็นวิธีการฝึกประเมินค่าระหว่างข้อมูลที่แท้จริงแล้ว ยังช่วยให้คิดในสิ่งที่แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมที่เคยมี เป็นการฝึกมองในรูปแบบเดิมให้แตกต่างออกไป และเป็นส่งเสริมความคิดเห็นไม่ให้คล้อยตามกัน (Non – Conformity) โดยปราศจากเหตุผล ดังนั้นในการสอนของครูจึงควรกำหนดให้นักศึกษารวบรวมข้อคิดเห็นหรือคำถาม แล้วให้นักศึกษาแสดงทักษะด้วยการอภิปรายโต้วาที หรือแสดงความคิดเห็นในกลุ่มย่อยก็ได้ 2. การพิจารณาลักษณะ (Attribute) หมายถึง การสอนให้นักศึกษา คิดพิจารณาลักษณะต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ ทั้งของมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ในลักษณะที่แปลกแตกต่างไปกว่าที่เคยคิด รวมทั้งในลักษณะที่คาดไม่ถึง 3. การเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย (Analogies) หมายถึง การเปรียบเทียบสิ่งของหรือสถานการณ์การณ์ที่คล้ายคลึงกัน แตกต่างกันหรือตรงกันข้ามกัน อาจเป็นคำเปรียบเทียบ คำพังเพย สุภาษิต 4. การบอกสิ่งที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง (Discrepancies) หมายถึง การแสดงความคิดเห็น บ่งชี้ถึงสิ่งที่คลาดเคลื่อนจากความจริง ผิดปกติไปจากธรรมดาทั่วไป หรือสิ่งที่ยังไม่สมบูรณ์ 5. การใช้คำถามยั่วยุและกระตุ้นให้ตอบ (Provocative Question) หมายถึงการตั้งคำถามแบบปลายเปิดและใช้คำถามที่ยั่วยุ เร้าความรู้สึกให้ชวนคิดค้นคว้า เพื่อความหมายที่ลึกซึ้งสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ 6. การเปลี่ยนแปลง (Example of change) หมายถึง การฝึกให้คิดถึงการ เปลี่ยนแปลงดัดแปลงการปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ที่คงสภาพมาเป็นเวลานานให้เป็นไปในรูปอื่น และเปิดโอกาสให้เปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างอิสระ 7. การเปลี่ยนแปลงความเชื่อ (Exchange of habit) หมายถึง การฝึกให้นักศึกษาเป็นคนมีความยืดหยุ่น ยอมรับความเปลี่ยนแปลง คลายความยึดมั่นต่าง ๆ เพื่อปรับตนเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ได้ดี 8. การสร้างสิ่งใหม่จากโครงสร้างเดิม (An organized random search) หมายถึง การฝึกให้นักศึกษารู้จักสร้างสิ่งใหม่ กฎเกณฑ์ใหม่ ความคิดใหม่ โดยอาศัยโครงสร้างเดิมหรือกฎเกณฑ์เดิมที่เคยมี แต่พยายามคิดพลิกแพลงให้ต่างไปจากเดิม 9. ทักษะการค้นคว้าหาข้อมูล (The skill of search) หมายถึง การฝึกเพื่อให้นักศึกษารู้จักหาข้อมูล 10. การค้นหาคำตอบคำถามที่กำกวมไม่ชัดเจน (Tolerance for ambiguity) เป็นการฝึกให้นักศึกษามีความอดทนและพยายามที่จะค้นคว้าหาคำตอบต่อปัญหาที่กำกวม สามารถตีความได้เป็นสองนัย ลึกลับ รวมทั้งท้าทายความคิด 11. การแสดงออกจากการหยั่งรู้ (invite expression) เป็นการฝึกให้รู้จักการแสดงความรู้สึก และความคิด ที่เกิดจากสิ่งที่เร้าอวัยวะรับสัมผัสทั้งห้า 12. การพัฒนาตน (adjustment for development) หมายถึง การฝึกให้รู้จักพิจารณาศึกษาดูความ ล้มเหลว ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แล้วหาประโยชน์จากความผิดพลาดนั้นหรือข้อบกพร่องของตนเองและผู้อื่น ทั้งนี้ใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนนำไปสู่ความ-สำเร็จ 13. ลักษณะบุคคลและกระบวนการคิดสร้างสรรค์ (creative person and creative) หมายถึง การศึกษาประวัติบุคคลสำคัญทั้งในแง่ลักษณะพฤติกรรมและกระบวนการคิดตลอดจนวิธีการ และประสบการณ์ของบุคคลนั้น 14. การประเมินสถานการณ์ (a creative reading skill) หมายถึง การฝึกให้หาคำตอบโดยคำนึงถึงผลที่เกิดขึ้นและความหมายเกี่ยวเนื่องกัน ด้วยการตั้งคำถามว่าถ้าสิ่งเกิดขึ้นแล้วจะเกิดผลอย่างไร 15. พัฒนาทักษะการอ่านอย่างสร้างสรรค์ (a creative reading skill) หมายถึง การฝึกให้รู้จักคิดแสดงความคิดเห็น ควรส่งเสริมและให้โอกาสเด็กได้แสดงความคิดเห็นและความรู้สึกต่อเรื่องที่อ่านมากกว่าจะมุ่งทบทวนข้อต่างๆ ที่จำได้หรือเข้าใจ 16. การพัฒนาการฟังอย่างสร้างสรรค์ (a creative listening skill ) หมายถึง การฝึกให้เกิดความรู้สึกนึกคิดในขณะที่ฟัง อาจเป็นการฟังบทความ เรื่องราวหรือดนตรี เพื่อเป็นการศึกษาข้อมูล ความรู้ ซึ่งโยงไปหาสิ่งอื่น ๆ ต่อไป 17. พัฒนาการเขียนอย่างสร้างสรรค์ ( a creative writing skill ) หมายถึง การฝึก ให้แสดงความคิด ความรู้สึก การจินตนาการผ่านการเขียนบรรยายหรือพรรณนาให้เห็นภาพชัดเจน 18. ทักษะการมองภาพในมิติต่างๆ (Visualization skill) หมายถึง การฝึกให้แสดงความรู้สึกนึกคิดจากภาพในแง่มุม แปลกใหม่ ไม่ซ้ำเดิม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เน้นเรื่องการให้ผู้เรียนมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน และการออกแบบผลิตชิ้นงานทั้งในแง่ของความสวยงาม ประโยชน์ใช้สอยและการสร้างมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ตาม การสอนให้นักเรียนคิดได้นั้น ก่อนจะคิดได้นักเรียนต้องมีข้อมูลเพียงพอที่จะใช้เป็นฐานความคิดที่ได้จากการจำ ฉะนั้นการจำยังเป็นสิ่งสำคัญในการสอนอยู่เสมอ Edit this page (if you have permission) | Google Docs -- Web word processing, presentations and spreadsheets. Comments You do not have permission to add comments. Sign in|Recent Site Activity|Report Abuse|Print Page|Powered By Google Sites

สวนสยาม

สวนสยาม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ระวังสับสนกับ สยามปาร์ค สวนน้ำที่เกาะเตเนรีเฟ สไลเดอร์ขนาดใหญ่ของสวนสยาม สวนสยามทะเลกรุงเทพ (อังกฤษ: Siam Park) เป็นสวนสนุกและสวนน้ำ ตั้งอยู่ที่ถนนสวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว บนเนื้อที่ 300 ไร่ ได้ฉายาว่า "ทะเลกรุงเทพ" และคำขวัญคือ "สวนสยาม...โลกแห่งความสุข สนุกไม่รู้ลืม" สวนสยามเปิดดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี พ.ศ. 2523 ดำเนินงานโดย บริษัท อมรพันธ์นคร-สวนสยาม จำกัด โดย นายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ เป็น ประธานกรรมการ แรกเริ่มมีเพียงสวนน้ำภายหลังจึงได้ซื้อเครื่องเล่นเดิมจากสวนสนุกแฮปปี้แลนด์ที่ได้ปิดกิจการมาให้เปิดบริการ สวนสยามจึงเป็นทั้งสวนน้ำและสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และมีทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก[1] นอกจากนี้ยังมีรางน้ำวน สปา พร้อมเครื่องเล่นทางน้ำครบครัน สไลเดอร์ที่สูงเท่ากับตึก 7 ชั้น ซูเปอร์สไปรัลรางน้ำคดเคี้ยว พิพิธภัณฑ์ไดโนโนเปีย พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งจีน อุทยานพฤษชาติ สวนสัตว์ และสวนสาระ เนื้อหา [ซ่อน] 1 ภายในสวนสยาม 2 เหตุการณ์สำคัญ 3 อ้างอิง 4 แหล่งข้อมูลอื่น ภายในสวนสยาม[แก้] ประกอบด้วย 5 ส่วนคือ สวนน้ำ ประกอบด้วย ทะเลน้ำจืด สไลเดอร์ยักษ์ ซูเปอร์สไปรัล ธารน้ำวน สปา ธารน้ำไหล สวนสนุก มี 3 ส่วนคือ เครื่องเล่นใหม่ สมอลเวิลด์ แฟนตาซีเวิลด์ ซึ่งมีเครื่องเล่นกว่า 30 ชนิด อาทิ Vortex,Boomerang,Giant Drop,Aladin,Condor และอื่น ๆ อีกมากมาย สวนสาระ เช่น พิพิธภัณฑ์ไดโนโทเปีย บิ๊กดับเบิ้ลช็อกค์ ผจญภัยแดนไดโนเสาร์ สวนสัตว์ มินิเอ็กเพลส ท่องแดนซาฟารี สัมนาจัดเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นการประชุมหรือกิจกรรมต่าง ๆ สวนสยามเราก็มีการรับรองไว้อย่างเต็มรูปแบบ ค่ายพักแรม สำหรับกิจกรรมการเข้าค่ายลูกเสือ มีฐานต่าง ๆ ห้องพักแบบเชลเตอร์และเรือนนอน 48 หลัง มีพัดลมปรับอากาศ ห้องน้ำในตัว เหตุการณ์สำคัญ[แก้] พ.ศ. 2550 เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องเล่น อินเดียน่าล๊อก เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ทำให้มีผู้เสียชีวิต และ วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2551 เกิดเหตุกับซูเปอร์สไปรัล ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 28 ราย ทางเจ้าของจึงประกาศขายกิจการแต่มีหลายฝ่ายให้กำลังใจและขอร้องอย่าขายเจ้าของจึงตัดสินใจบริหาร สวนสยามต่อไป[2] พ.ศ. 2552 เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552 ที่สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม กินเนสส์ เวิลด์ เร็คคอร์ด ร่วมกับสมาคมสวนน้ำโลก มอบรางวัลหนังสือรับรอง "ทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก" ให้แก่ ทะเล-กรุงเทพฯ สวนสยาม โดยมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธานรับมอบ นายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ที่ปรึกษาบริษัท สยามพาร์คซิตี้ จำกัด กล่าวว่า ดีใจที่สุด 29 ปีที่ผ่านมาหายเหนื่อยแล้ว ด้านนายทาลาล โอมาร์ ผู้แทนจากกินเนสส์ เวิลด์ เร็คคอร์ด กล่าวว่า แต่ละสัปดาห์มีผู้เสนอเรื่องราวให้บันทึกสถิติโลกถึง 1 พันรายการ รางวัลนี้เป็นแนวความคิดสร้างสรรค์ที่ทะเลเทียมของไทยใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ ทะเล-กรุงเทพฯ สวนสยาม มีขนาด 13,600 ตร.ม. รองรับผู้ใช้บริการได้พร้อมกัน 13,000 คน ส่วนเจ้าของสถิติทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเดิมคือ ดีโน่ พาร์ค นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน มีขนาด 6,053 ตร.ม. รองลงมาคือ สวนน้ำดิสนีย์ เมืองออร์ลันโด ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ขนาด 4,220 ตร.ม.[3] พ.ศ. 2553 วันที่ 19 พฤศจิกายน - 19 ธันวาคม 2553 สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม ได้ จัดงานฉลองครบรอบเปิดกิจการ 30 ปี จัดโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อบัตร ครั้งเดียวเที่ยวฟรีตลอดวัน ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 100 บาท [4]นับว่าเป็นสวนสนุกและสวนน้ำที่มีอายุมากที่สุดในประเทศไทยที่เปิดดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน อ้างอิง[แก้] กระโดดขึ้น ↑ http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000048648 กระโดดขึ้น ↑ http://www.bangkokbiznews.com/2008/01/14/WW10_WW10_news.php?newsid=219951 กระโดดขึ้น ↑ http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MoneylineNews/tabid/89/newsid491/87552/Default.aspx กระโดดขึ้น ↑ http://www.thairath.co.th/content/ent/131219 แหล่งข้อมูลอื่น[แก้] เว็บไซต์สวนสยาม แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ สวนสยาม ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์ แผนที่จากมัลติแมป หรือโกลบอลไกด์ ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์ พิกัดภูมิศาสตร์: 13.805242°N 100.697229°E [ซ่อน] ด พ ก สวนสนุกในประเทศไทย เปิดให้บริการในปัจจุบัน อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อยู่ในแผนและโครงการ ภาคกลาง ไทยแลนด์ดิสนีย์แลนด์รีสอร์ต (ดรีมเวิลด์ สวนสยาม ซาฟารีเวิลด์ ไดโนซอร์ แพลนเน็ต) โย่โย่ แลนด์ โพโรโระ อควา พาร์ค สวนน้ำอวกาศ ภาคตะวันออก สวนสนุกพัทยาปาร์ค สวนน้ำการ์ตูนเน็ทเวิร์ค อเมโซน สวนน้ำรามายณะ สวนน้ำสแปลชดาวน์ พัทยา ดรีมเมอร์ วอเตอร์ ปาร์ค ภาคตะวันตก ซานโตรินี พาร์ค สวนน้ำวานา นาวา หัวหิน วอเตอร์ จังเกิ้ล ซานโตรินี วอเตอร์ แฟนตาซี เดอะรีสอร์ท วอเตอร์ปาร์ค แบล็คเมาท์เทน วอเตอร์ปาร์ค มหาสมุทร คันทรี่คลับ หัวหิน ภาคอีสาน ซีนิคอลเวิลด์ เขาใหญ่ ไดโนพาร์ค ขอนแก่น สวนน้ำแม่ฟุ้ง สวนน้ำยูโซเทล อุดรธานี สวนน้ำโคราชทะเลอีสาน สวนน้ำสวนสัตว์ขอนแก่น ภาคใต้ สวนน้ำภูเก็ต สวนน้ำสงขลา เดอะ ไพเรทส์ พาร์ค หาดใหญ่ไอซ์โดม สแปลช จังเกิล โคโค สแปลช ภาคเหนือ ทูบเทรค วอเตอร์พาร์ค เดอะซัน นิวเซ็นเตอร์ สวนสัตว์เชียงใหม่ มูฟวี่เวิร์ลเชียงใหม่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซี พาราไดซ์ ลำปาง ดรากอนน่า โกลด์ ทั่วประเทศ แฟนตาเซีย ลากูน ปิดกิจการไปแล้ว แฮปปี้แลนด์ แดนเนรมิต ลัดดาแลนด์ โอเชียนเวิลด์ วันเดอร์เวิลด์ ฟันปาร์ค พรพรหมพาราไดซ์ รายชื่อสวนสนุกในประเทศไทย